วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 21, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWS‘สุพัฒนพงษ์’ชี้เศรษฐกิจติดลบ10% ทำให้การใช้ไฟฟ้าลดลง
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘สุพัฒนพงษ์’ชี้เศรษฐกิจติดลบ10% ทำให้การใช้ไฟฟ้าลดลง

“สุพัฒนพงษ์” ยอมรับ เศรษฐกิจติดลบ 10% ทำให้ความต้องการใช้ไฟลดลง ส่งผลให้ต้องสำรองไฟฟ้าเพิ่มขึ้น แต่สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย คาดความต้องการใช้ไฟจะเพิ่มขึ้น ส่วนการผลิตไฟฟ้าจากโซลาฟาร์ม ที่ร่วมกับ “ทบ.” ยังต้องรอผลการศึกษาว่าคุ้มค่าและเหมาะสมก่อน

วันที่ 4 มี.ค. 2564 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีประกาศเจตนารมณ์การจัดการพลังงาน คุณภาพอากาศ และสิ่งแวดล้อม “Breathe for future รวมพลังเพื่อลมหายใจแห่งอนาคต” ว่า ต้องยอมรับว่าจากสถานการณ์เศรษฐกิจ ที่ผ่านมาติดลบประมาณ 10% นั้น ส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลง และการสำรองไฟฟ้ามีเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่จะต้องมี 15-20% แต่ปัจจุบันเริ่มเห็นทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากความผ่อนคลายของสถานการณ์ต่าง ๆ มีมากขึ้น โดยจะส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามมา และในอนาคตปริมาณสำรองไฟฟ้าที่มีอยู่อาจจะน้อยเกินไป เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศส่วนใหญ่จะต้องใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน อาทิการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี)

ขณะเดียวกันที่มีกระแสถึงเรื่องการลดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลลงโดยแนวทางของประเทศไทย การดำเนินนโยบายเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็น “ศูนย์” (คาร์บอน นิวทรัล) จะต้องมีการพูดคุยกันถึงศักยภาพที่มีอยู่ และความพร้อมของการปรับตัว ซึ่งต่อจากนี้กระทรวงพลังงานจำเป็นจะต้องมีการหารือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อหาแนวทางการดำเนินงานดังกล่าวโดยจะยกให้เป็นวาระแห่งชาติต่อไป

ส่วนความคืบหน้าการรับซื้อไฟฟ้าจากลาว ตามกรอบความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ซื้อขายไฟฟ้าระหว่างไทยกับลาว ที่เหลืออยู่อีกประมาณ 2,300 เมกะวัตต์ จากแผนทั้งหมด 9,000 เมกะวัตต์นั้น นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ก็ต้องศึกษาความคุ้มค่าและความเหมาะสมก่อน ยอมรับว่าเป็นพลังงานสะอาดที่มีความต้องการอยู่แล้ว และถ้าไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนพลังงานของประเทศ ก็ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องปฏิเสธ

ขณะที่กรณีโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) ของกองทัพบก (ทบ.) ที่คาดว่าจะมีศักยภาพถึง 30,000 เมกะวัตต์ จะถูกบรรจุในแผนพลังงานแห่งชาติด้วยหรือไม่นั้น จำเป็นต้องรอผลการศึกษาเพราะโครงการดังกล่าวเป็นเพียงการศึกษาเท่านั้น ยังจำเป็นต้องบูรณาการกับทุกฝ่าย โดยปัจจุบันแผนพลังงานแห่งชาติอยู่ในขั้นตอนเริ่มจัดรับฟังความเห็นกลุ่มย่อย คาดว่าในเดือนพ.ค. จะจัดสัมมนาใหญ่รับฟังความเห็นประชาชน เพื่อรวบรวมและสรุปผลก่อนนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ประมาณปลายเดือนมิ.ย. 64 ต่อไป

“โซลาร์ฟาร์มของทบ.ที่ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นำร่อง ต.แก่งเสี้ยน อ.เมืองกาญจนบุรี จำนวน 300 เมกะวัตต์ ในพื้นที่ 3,000 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นที่ราชพัสดุที่อยู่ในความดูแลของ ทบ. เป็นโครงการเพื่อการศึกษาศักยภาพเท่านั้น ผมว่าหลายๆหน่วยงานในไทยมีความปารถณาดี เช่นเดียวกับโครงการผลิตไฟฟ้าในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่ขณะนี้จะนำร่อง 500 เมกะวัตต์ ก็ต้องมาศึกษาถึงความเหมาะสมร่วมกันอีกครั้ง”นายสุพัฒนพงษ์กล่าว

ด้านนายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวถึงการจัดงานดังกล่าวว่า กฟผ. ได้ร่วมกับ กรมควบคุมมลพิษ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อประกาศเจตนารมณ์ ในการจัดการพลังงาน คุณภาพอากาศ และสิ่งแวดล้อม “Breathe our future รวมพลังเพื่อลมหายใจแห่งอนาคต” ซึ่งปัจจุบัน กฟผ.ได้มุ่งเน้นการพัฒนาและสนับสนุนพลังงานสะอาด ทั้ง โซลาร์ลอยน้ำ รถอีวี เป็นต้น โดยล่าสุดรมว.พลังงานได้มอบหมายให้พิจารณาแนวทางส่งเสริมให้คนไทยหันมาใช้เตาแม่เหล็กไฟฟ้ามากขึ้น เพื่อลดการใช้ก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ในการปรุงอาหาร และลดภาระการอุดหนึนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img