‘’ธีระชัย’’โพสต์เตือน’’พีระพันธุ์’’อย่าหลงกลข้าราชการ ลดราคาน้ำมันแบบอัฐยายซื้อขนมยาย เอี้อกลุ่มทุน ไม่ใช่ช่วยแบ่งเบาภาระประชาชนอย่างแท้จริง
เมื่อวันที่ 19 ต.ค.66 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ในฐานะประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ รมว.พลังงานอย่าหลงกล โดยระบุว่า ข่าวอินโฟเควสท์ล่าสุด วันที่ 18 ต.ค. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ยืนยันว่า กระทรวงฯ กำลังพิจารณาปรับลดราคาเบนซิน
เริ่มต้นด้วยลดราคาแก๊สโซฮอล์ 91 ในอัตรา 2.50 บาทต่อลิตร จากการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซิน
จะเสนอเข้าที่ประชุม ครม.ภายในสองสัปดาห์
ผมขอแนะนำท่าน รมว.พลังงาน ให้ระมัดระวังข้อเสนอจากข้าราชการ เพราะมีข้าราชการจำนวนมาก ที่ยึดผลประโยชน์ของบริษัทนายทุนเป็นหลัก
ท่าน รมว.พลังงานจะต้องระวังไม่หลงกลข้าราชการเหล่านี้ เว้นแต่ท่านจะมุ่งมั่นทำงาน เพื่อกลุ่มทุน ไม่ใช่เพื่อประชาชน
ผมให้ข้อมูลแก่ท่านไว้ดังนี้ หนึ่ง ควักแต่กระเป๋าของรัฐเพื่ออุ้มกลุ่มทุน หรือไม่
ท่าน รมว.พลังงาน น่าจะทราบดีอยู่แล้วว่า การแก้ปัญหาราคาพลังงานให้แก่ประชาชน ที่จะมีความยั่งยืน นั้น
ต้องแก้ที่โครงสร้างธุรกิจ ทั้งปัญหาเสือนอนกิน และปัญหาการแบ่งผลประโยชน์ให้เป็นธรรมแก่ประชาชน
แต่ข้อเสนอให้ลดราคาแก๊สโซฮอล์ 91 ในอัตรา 2.50 บาทต่อลิตร จากการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซิน นั้น
ไม่ได้แก้ที่โครงสร้างธุรกิจแม้แต่น้อย
มาตรการนี้ เป็นมาตรการที่เอื้ออำนวยให้บริษัทธุรกิจยักษ์ใหญ่ ยังสามารถเป็นเสือนอนกิน ยังสามารถมีกำไรเกินสมควร
มาตรการนี้ ประชาชนได้ประโยชน์เพียงชั่วคราว เพราะในอนาคตรัฐบาลก็จำเป็นจะต้องเก็บภาษีสรรพสามิตกลับคืน
อธิบายภาษาชาวบ้าน รัฐบาลจะเอาเงินของประชาชนในอนาคต ในอัตรา 2.50 บาทต่อลิตร
มาลดราคาเบนซินในปัจจุบัน เพียงเท่านั้น
ภาษาชาวบ้านคือ “อัฐยายซื้อขนมยาย”
ถามว่า ท่าน รมว.พลังงาน จะหลงกล รับข้อเสนอเพื่ออุ้มผลประโยชน์ของกลุ่มนายทุนใหญ่ หรือไม่
สอง เป็นมาตรการที่จะกลับเพิ่มต้นทุนค่าใช้จ่ายของปั๊มน้ำมัน ใช่หรือไม่
รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ ได้กำหนดนโยบายปรับราคาแก๊สโซฮอล์ 91 กับแก๊สโซฮอล์ 95 ให้ใกล้เคียงกัน
เมื่อแก๊สโซฮอล์ 91 ถูกกว่า เพียงลิตรละ 15-27 สต. เศษ ความนิยมใช้แก๊สโซฮอล์ 91 ก็ลดลง
เพราะแก๊สโซฮอล์ 95 ให้พลังแรงกว่า
ข้อมูลที่ผมสอบถามจากเพื่อนหลายคนที่เป็นเจ้าของปั๊ม แจ้งมาว่า สัดส่วนการขายน้ำมันแต่ละชนิดคร่าวๆ
แก๊สโซฮอล์ 95 ประมาณ 65% แก๊สโซฮอล์ 91 มีเพียงประมาณ 10%
นโยบายที่ราคาขายต่างกันไม่มาก ทำให้ปริมาณขายแก๊สโซฮอล์ 91 ลดลงมาตลอด
ถ้าเดินตามนโยบายนี้ต่อไป ปั๊มน้ำมันส่วนใหญ่ก็จะสามารถเลิกขายแก๊สโซฮอล์ 91 ได้
ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของปั๊มน้ำมัน ไม่ต้องมีถังเก็บเฉพาะสำหรับแก๊สโซฮอล์ 91 อีกต่อไป
แต่ถ้า รมว.พลังงาน กลับไปทำให้ราคาต่างกันมากถึง 2.50-2.70 บาท ..
ประชาชนก็จะหันกลับไปใช้แก๊สโซฮอล์ 91 อีกครั้งหนึ่ง
ถามว่า ท่าน รมว.พลังงาน จะหลงกล รับข้อเสนอที่จะทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายของปั๊มน้ำมัน กลับสูงขึ้น หรือไม่
สาม มีบริษัทยักษ์ใหญ่บริษัทหนึ่ง ที่จะงาบผลประโยชน์จากมาตรการนี้ ใช่หรือไม่
เท่าที่ผมสำรวจเพื่อนที่ทำธุรกิจปั๊มน้ำมัน เขาแจ้งว่า …
ปั๊มเอกชน เครือข่ายขนาดกลางและขนาดเล็กจำนวนมากในต่างจังหวัด ได้เลิกขายแก๊สโซฮอล์ 91 ไปแล้ว เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
ซึ่งถ้าหากนโยบายของกระทรวงฯ ทำให้ราคาต่างกันมากถึง 2.50-2.70 บาท …จะทำให้ประชาชนหันกลับไปใช้แก๊สโซฮอล์ 91 อีกครั้งหนึ่ง …
ปั๊มเอกชนเหล่านี้ ก็จะมีปัญหาค่าใช้จ่าย โดยจะต้องเลิกขายน้ำมันบางชนิด เพื่อจะนำแก๊สโซฮอล์ 91 กลับมาขายใหม่แทน แต่พวกเขาแจ้งผมว่า มีเครือข่ายปั๊มน้ำมันอยู่ยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งมีโรงกลั่นน้ำมันอยู่ในมือ และเครือข่ายนี้ มีการขายแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ทุกปั๊ม
ดังนั้น กรณีถ้าข้อมูลเช่นนี้เป็นจริง เครือข่ายปั๊มน้ำมันยี่ห้อนี้ ก็จะได้เปรียบปั๊มเอกชนอื่นๆ ใช่หรือไม่
นโยบายจะเข้าทาง เครือข่ายปั๊มน้ำมันยี่ห้อนี้ จะสามารถกินส่วนแบ่งตลาดน้ำมันได้อย่างสบาย หรือไม่
ถามว่า ท่าน รมว.พลังงาน ตรวจสอบหรือยังว่า จะเกิดการได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างปั๊มน้ำมัน หรือไม่
ปัญหาน้ำมันเขียวรั่วไหลบนบก ข่าวระบุว่า “นอกจากนี้ กระทรวงฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาการช่วยเหลือให้กลุ่มเกษตรกรได้ใช้น้ำมันราคาถูก เหมือนกับกลุ่มชาวประมง ที่มีน้ำมันเขียว” ผมให้ข้อสังเกตว่า เหตุผลที่รัฐบาลที่ผ่านมา ยอมให้เรือประมงใช้น้ำมันเขียว …ซึ่งไม่ต้องจ่ายภาษีสรรพสามิต และค่าใช้จ่ายอื่น นั้น
น่าจะเพราะรัฐไม่มีทางที่จะห้ามเรือประมงไทย ซึ่งมีจำนวนมาก ไปเติมน้ำมันในทะเลหลวง จากเรือที่ขนน้ำมันต่างชาติมาขาย เพราะทะเลหลวงไม่มีรั้วกั้น เรือที่ขนน้ำมันราคาถูกจากมาเลเซีย สามารถเข้ามาลอยลำในรูปของเรือประมง
และถ่ายน้ำมันจากเรือลำหนึ่ง ไปอีกลำหนึ่ง กลางทะเลได้
สิ่งที่รัฐต้องกำกับควบคุม คือไม่ให้น้ำมันเขียว วิ่งมาขึ้นบก แล้วขายกันบนบก โดยไม่ต้องจ่ายภาษีสรรพสามิต และค่าใช้จ่ายอื่น แต่นโยบายที่ต้องการให้กลุ่มเกษตรกร ได้ใช้น้ำมันราคาถูก เหมือนกับน้ำมันเขียว นั้น
ท่าน รมว.พลังงาน ควรจะถามให้แน่ใจก่อนว่า กระทรวงฯ จะกำกับควบคุมไม่ให้รั่วไหล ออกไปยังนอกกลุ่มเกษตรกรได้อย่างไร
การควบคุมไม่ให้น้ำมันเขียว วิ่งขึ้นจากทะเล ขึ้นมาบนบก นั้น พอทำได้ แต่การกำกับควบคุม น้ำมันราคาถูกกว่าปกติ ที่ขายกันบนบกนั้น ไม่ให้ออกนอกกลุ่ม จะทำได้อย่างไร? ในทางเศรษฐศาสตร์ จึงควรให้ทุกคนใช้น้ำมันในราคาเท่ากัน แล้วรัฐหาทางช่วยเหลือบุคคลซึ่งมีปัญหาหรือมีฐานะอ่อนเฉพาะกลุ่ม จะดีกว่า