“พีระพันธุ์” โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว ชง “ครม.” ตรึงค่าไฟ 3.99 บาทต่อหน่วย ช่วยกลุ่มเปราะบาง หลัง “กกพ.” มีมติเห็นชอบให้ปรับค่าเอฟทีงวด ม.ค.-เม.ย. 67 เท่ากับ 89.55 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าจัดเก็บอยู่ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย พร้อมตรึงราคาก๊าซหุงต้ม 423 บาทต่อถังขนาด 15 กก.
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว (พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค – Pirapan Salirathavibhaga) เกี่ยวกับประเด็นเรื่องของค่าไฟว่า จะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตรึงราคาค่าไฟ 3.99 บาทต่อหน่วย สำหรับกลุ่มเปราะบาง
ทั้งนี้ประเด็นดังกล่าวมาจากการที่ก่อนหน้านี้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติเห็นชอบให้ปรับค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือเอฟที ใน งวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 67 เท่ากับ 89.55 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 69.07 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วย
ทั้งนี้ ส่งผลทำให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) จากงวดปัจจุบัน อยู่ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย หรือปรับขึ้น 0.69 บาทต่อหน่วย พร้อมตรึงราคาก๊าซหุงต้ม 423 บาทต่อถังขนาด 15 กก.
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เป็นประธานเมื่อวานนี้ (7 ธ.ค.) มีมติเห็นชอบให้คงราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่ 20.9179 บาทต่อกิโลกรัม (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เพื่อให้ราคาขายปลีก LPG อยู่ที่ประมาณ 423 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ต่ออีก 3 เดือน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค.67
ทั้งนี้ แม้ว่าการตรึงราคาตามมติข้างต้น จะทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของบัญชีก๊าซ LPG ติดลบเพิ่มขึ้น 2,000 ล้านบาท ส่งผลให้ปัจจุบันการติดลบสุทธิอยู่ที่ประมาณ 47,764 ล้านบาท ณ วันที่ 31 มี.ค.67
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานได้ติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ กระทรวงพลังงานจะเร่งบริหารจัดการสถานการณ์พลังงานโดยด่วนเพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน และเพื่อให้ประชาชนได้ใช้พลังงานในราคาที่เหมาะสม เป็นธรรม และยั่งยืนต่อไป
