วันอังคาร, กันยายน 17, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight“ดร.คงกระพัน”ชูกลยุทธ์‘ความยั่งยืนอย่างสมดุล-ปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลง’
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ดร.คงกระพัน”ชูกลยุทธ์‘ความยั่งยืนอย่างสมดุล-ปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลง’

‘’ดร.คงกระพัน’’ประกาศยึดมั่นพันธกิจ ความยั่งยืนอย่างสมดุล เพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจ ปรับตัวพร้อมรับสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 67 ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินการว่า ปตท. ภายใต้วิสัยทัศน์ “ปตท. แข็งแรงร่วมกับสังคมไทยและเติบโตในระดับโลกอย่างยังยืน” หรือ “TOGETHER FOR SUSTAINABLE THAILAND, SUSTAINABLE WORLD” ดำเนินธุรกิจบนหลัก “ความยั่งยืนอย่างสมดุล” ให้เหมาะกับบริบทองค์กรทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อให้ปตท. เป็นบริษัทพลังงานแห่งชาติที่สร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทยและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล บริหารองค์กรด้วยความโปร่งใส มีการกำกับดูแลที่ดีที่มีธรรมาภิบาล เร่งสร้างความแข็งแรงและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในธุรกิจ Hydrocarbon ที่เป็น Core Business ของปตท. ที่ ปตท. ทำได้ดี แต่จะทำแบบเดิมไม่ได้ ต้องทำควบคู่กับการลดก๊าซเรือนกระจก และต้องปรับตัวพร้อมรับสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

ดร.คงกระพัน กล่าวต่อว่า ปตท.มีแนวทางในการดำเนินธุรกิจหลานด้าน อย่างเช่น ธุรกิจ Upstream and Power จะต้องเร่งขยายแหล่งสำรวจและผลิต ร่วมกับ Partner มีต้นทุนที่แข่งขันได้ รวมถึงการผลักดันการพัฒนาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชา (OCA) เพื่อช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ ในส่วนของธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้ามี Mandate ให้เสริมสร้าง Reliabilty และ Decarbonize ให้กับกลุ่ม ปตท.

ธุรกิจ Downstream จะต้องปรับตัว และสร้างความแข็งแรงร่วมกับ Partner แสวงหาโอกาสในการสร้างSynergy ร่วมกันเพิ่มเติม ทั้งนี้ธุรกิจน้ำมันและการค้าปลีกนั้นจะต้องมุ่งหน้าเป็น Mobilty Partner ของคนไทย ปรับพอร์ตการลงทุนให้มี Substance และ Asset Light รวมถึงการรักษาการเป็นผู้นำตลาดควบคู่กับการดำเนินธุรกิจ Non-Hydrocarbon

โดยจะประเมินธุรกิจนี้ใน 2 มุมคือ 1) ธุรกิจต้องมีความน่าสนใจ (Attractive) และ 2) ปตท. มี Right to Play หรือมีจุดแข็ง สามารถเข้าไปต่อยอดในธุรกิจนั้นๆ ได้ และมี Partner ที่แข็งแรง ซึ่งมีแนวทางการลงทุนในธุรกิจ Non-Hydrocarbon ดังนี้ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ EV ปตท. จะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจบรรจุกระแสไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะต้องมีการควบรวมแบรนด์ต่างๆ ภายใต้กลุ่ม ปตท. และใช้ OR Ecosystem ที่มี Touch Point อยู่ทั่วประเทศให้เป็นประโยชน์

ธุรกิจ Logistics ปตท.จะเน้นไปเฉพาะธุรที่มีความเกี่ยวเนื่องกับ Core Business ของ ปตท. และมีCaptive Demand อยู่แล้ว โดยยึดหลัก Asset-light จะมี Partner ที่แข็งแรงธุรกิจ Life Science ปตท. จะต้องสามารถพึ่งพาตัวเองได้ทางการเงิน (Self-funding) และสร้างGoodwill ให้กับสังคม

ทั้งนี้ ปตท. มีแผนการสร้างสมดุล ESG ให้เหมาะสมกับบริบทองค์กร ควบคู่กับการลดก๊าซเรือนกระจก เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ผ่านการผลักตันธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับไฮโดรเจน และการดำเนินโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture Storage : CCS) โดยทำงานแบบบูรณาการร่วมกันทั้งกลุ่ม ปตท. โดยต้องกำหนดบทบาทหน้าที่ชัดเจน และมีเป้าหมายร่วมกันเพื่อใช้จุดแข็งของแต่ละบริษัท ในกลุ่มให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมี ปตท.กำกับดูแลในภาพรวมทั้งหมด

นอกจากนี้ ปตท. ให้ความสำคัญเรื่อง Operational Excellence หรือ OpEx อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานทั้งกลุ่ม อีกทั้งมุ่งมั่นเสริมศักยภาพบุคลากรและการมุ่งรักษาพื้นฐานที่สำคัญ มุ่งเน้นธรรมาภิบาล และการกำกับกิจการที่ดี และการมีความเป็นเลิศทางด้างด้านการเงิน(Financial Excellence) ที่เป็นพื้นฐานสำคัญของการประกอบธุรกิจ

ปตท. ยังคงยึดมั่นพันธกิจในการสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพทางพลังงานให้แก่ประเทศ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพ ขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง บนหลัก “ความยั่งยืนอย่างสมดุล” ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมสิ่งแวดล้อม รวมถึงการกำกับดูแลกิจการที่ดี

การจัดอันดับให้เป็นบริษัทอันดับ 1 ของประเทศไทย และอันดับที่ 2 ในภูมิภาคอาเขียน จากนิตยสารฟอร์จูน เซาท์อีสต์เอเชีย 500 (Fortune Southeast Asia 500) 4 รางวัลดีเด่นในระดับภูมิภาคอาเซียน จาก 14th Institutional Investor Corporate Awards 2024 การรับรองเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชั่นของภาคเอกชนไทย (CAC) 4 สมัยต่อเนื่อง

นอกจากนี้ กลุ่ม ปตท. ยังมีส่วนร่วมขับเคลื่อนโยบาย SoR Power ของประเทศ โดยให้การสนับสนุนสมาคมกีฬาจำนวน 20 สมาคม ภายใต้งบประมาณ 200 ล้านบาท ส่งเสริมศักยภาพคนไทยสู่สากลตลอดจนดำเนินโครงการเพื่อสังคมและกิจกรรม เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในปีมหามงคลนี้ ได้แก่ โครงการพัฒนาพื้นที่กำแพงเพชร 6 ริมคลองเปรมประชากร จัดสร้างเป็นสวนสาธารณะ จำนวน 10 ไร่ เปิดให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ในการออกกำลังกาย พักผ่อนหย่อนใจ การผลิตหนังสั้นเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นำเสนอโครงการตามพระบรมราโชบายพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน จำนวน 2 เรื่อง โดยมีแผนเผยแพร่อีก 5 เรื่องภายในปีนี้

รวมทั้งจัดกิจกรรมแสดงแสง สี เสียง ลำนำนที วารีสมโภช ณ สวนสันติชัยปราการ กิจกรรมปลูกป้า 72,000 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ 68,400 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปีโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนอย่างยั่งยืนโดยพัฒนาการปลูกและการผลิตกาแฟระบบอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โครงการหลวงเลอต่อ อ.แม่ระมาด จ.ตาก ที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยภูเขา

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img