วันพฤหัสบดี, มกราคม 23, 2025
หน้าแรกHighlightจี้‘มท.1’ตัดไฟคู่สัญญานอมินี‘หม่องชิตตู่’ อย่าให้ถูกนินทาเอี่ยวอาชญากรข้ามชาติ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

จี้‘มท.1’ตัดไฟคู่สัญญานอมินี‘หม่องชิตตู่’ อย่าให้ถูกนินทาเอี่ยวอาชญากรข้ามชาติ

“โรม” จี้ “อนุทิน” ตัดไฟคู่สัญญานอมินี “หม่องชิตตู่” หวั่นถูกนินทาเอี่ยวอาชญากรข้ามชาติ ขณะปลัด มท. เบี้ยวแจง กมธ.มั่นคงฯ ส่ง กฟภ.แจงแทน เผย ส่งข้อมูลให้ ปปง.-ป.ป.ส.-ดีเอสไอ-ตร. ตรวจสอบคุณสมับติคู่สัญญาเป็นภัยความมั่นคงหรือไม่  เล็งสรุปแนวทางตัดไฟ  29 ม.ค.นี้ ด้าน สมช. เผย ยังไม่พบความชัดเจนว่า บริษัทใช้ไฟไทบกระทบความมั่นคง ปท.

วันที่ 23 ม.ค.2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมพิจารณาศึกษาและติดตามความคืบหน้า การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการฟอกเงินการใช้บัญชีม้า และการซื้อขายไฟฟ้าบริเวณชายแดนแม่สาย โดยวันนี้มีการเชิญปลัดกระทรวงมหาดไทย เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สาย แต่ปรากฎว่า วันนี้ปลัดกระทรวงมหาดไทย ไม่ได้เข้ามาชี้แจง แต่ได้มอบหมายให้ตัวแทนจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ชี้แจงแทน โดยให้เหตุผลว่า ติดภารกิจที่จังหวัดสงขลา

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า กมธ.มีการประชุมพิจารณาปัญหานี้หลายครั้งแล้ว ซึ่งครั้งนี้จะมุ่งไปที่การใช้ทรัพยากรของไทยอย่างไฟฟ้า ที่ถูกป้อนให้กับอาชญากรข้ามชาติ พร้อมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง โดยเฉพาะการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สาย ที่มีความสัมพันธ์กับเครือข่ายยาเสพติด และเปิดบริษัทนนอมินีเพื่อรับสัญญาแทน ซึ่งการที่ไทยยังต้องอยู่กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และกลุ่มค้ายาเสพติด โดยที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นผู้ขายไฟให้ จึงเห็นว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ มีข้อมูลใหม่ตั้งแต่ยุครัฐมนตรีนายเศรษฐา ทวีสิน ที่มีคำสั่งทบทวนการพิจารณาตัดสาธารณูปโภคพื้นฐานแล้ว และมีคำสั่งกระทรวงมหาดไทยในการพิจารณาให้ติดตามตามมติคณะรัฐมนตรี โดยมีคำสั่งหลายอย่างที่ควรเดินหน้าได้ แต่ขณะนี้ติดอะไรถึง ทำไมการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคถึงพิจารณาตัดไฟถึงยากเย็นทั้งที่หลักฐานหลายอย่างประจักษ์ชัดแจ้ง

“ฝากไปถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่าเป็นเรื่องที่กระทรวงมหาดไทยดูแลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งมีอำนาจดำเนินการได้เลย แต่ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ อย่าให้ประชาชนซุบซิบนินทาว่า สุดท้ายแล้วอาจจะมีส่วนร่วมกับขบวนการหรือเครือข่ายอาชญากรข้ามชาติ”นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงถึงขั้นตอนการขายไฟฟ้าให้เมียนมา หากมีการนำไปทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย ก็ต้องเป็นสิ่งที่เมียนมาร์แก้ไขดำเนินการ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า บริษัทที่เป็นคู่สัญญากับการไฟฟ้า เป็นบริษัทนอมินีของ นายหม่อง ชิตตู่ ผู้นำของกองกำลังแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNA ซึ่งเป็นที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และไฟฟ้าเหล่านี้ถูกนำไปจำหน่ายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งการที่บอกว่า บริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทของตัวแทนทางเมียนมา มาก็ถูกส่วนหนึ่ง แต่สถานการณ์ในเมียนมา และรัฐบาลเมียนมาวันนี้ล้มเหลว มีการสู้รบเป็นสงครามกลางเมือง จะมองว่า เป็นประเทศปกติไม่ได้ นายอนุทินต้องเข้าใจ ซึ่งที่ผ่านมา ตนเคยเปิดเอกสารในสภาว่า มีหนังสือส่งมาที่กระทรวงมหาดไทยซึ่งมีการอ้างมติครม. คำถามคือแล้วกระทรวงมหาดไทยไม่ต้องทำตามมติครม. หรือใช่หรือไม่ และปลัดกระทรวงมหาดไทยก็เคยทำหนังสือส่งตามไปด้วยเช่นกัน แล้วทำไมการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจึงขายไฟฟ้าได้ต่อ ส่วนตัวคิดว่าการตัดไฟสามารถทำได้ แต่วันนี้ที่ตัดไม่ได้เพราะมีผลประโยชน์หรือไม่

เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐบาลทหารเมียนมา ออกมาเปิดเผยว่า เพื่อนบ้านทำให้ปราบคอลเซ็นเตอร์ไม่ได้นั้น นายรังสิมันต์ กล่าวยอมรับว่า ก็เข้าใจในทางปฏิบัติรัฐบาลทหารเมียนมา ไม่สามารถจะเข้าไปปราบปรามได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่เขตอิทธิพลของชนกลุ่มน้อย เพราะฉะนั้นการปราบปรามก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สิ่งที่รัฐบาลทหารเมียนมาพูดมาก็ถือเป็นการยืนยันว่า ปัญหาที่ตนเคยพูดมาตลอดว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคต้องมีการตัดไฟเป็นเรื่องจริง ซึ่งสื่อที่มีการเผยแพร่ออกมาก็เป็นสื่อที่เป็นกระบอกเสียง ให้กับรัฐบาลทหารเมียนมา ตนจึงคิดว่า ไทยต้องทบทวนตัวเองว่าน่าละอายใจขนาดไหน ที่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น และวันนี้ไทยไม่ใช่แบตเตอรี่ธรรมดา แต่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างคอลเซ็นเตอร์ขึ้นมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ชี้แจงต่อกมธ.ว่า การไฟฟ้าได้รับนโยบายและข้อสั่งการของกระทรวงมหาดไทยไปดำเนินการ โดยเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2567 ได้หารือกับ ป.ป.ส. และ ปปง. เพื่อพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่จะทำการซื้อขายไฟฟ้าหรือคู่สัญญา ที่จะซื้อขายไฟฟ้ากับไทย ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานได้ให้การไฟฟ้าส่งข้อมูลของผู้ที่จะซื้อไฟฟ้า เข้าสู่การตรวจสอบ เพราะ ป.ป.ส.และ ปปง. มีอำนาจหน้าที่ ในการตรวจสอบคุณสมบัติของนิติบุคคล คณะกรรมการบริหาร ผูุ้ถือหุ้นว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือไม่ หลังตรวจสอบเสร็จจะส่งให้การไฟฟ้าพิจารณา และเพื่อความครบถ้วนที่ประชุมยังให้ การไฟฟ้าส่งข้อมูลให้กับ ดีเอสไอ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ช่วยตรวจสอบอีกทางหนึ่งด้วย จากนั้นในวันที่ 9 ธ.ค.2567 กฟภ. ได้ส่งเรื่องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ถึงแนวทางงดจำหน่ายไฟฟ้า ในวันที่ 24 ธ.ค.2567 กฟภ.ได้ประชุมร่วมกับ สมช.และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแนวทางการจัดการ พื้นที่ชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านและวันที่ 25 ธ.ค.2567 คณะกรรมการของ กฟภ.ลงไปสำรวจ ณ จุดซื้อขายไฟฟ้า ในพื้นที่ จ.ตาก ซึ่งเหลืออยู่ 2 จุด ในวันที่ 26 ธ.ค. 2567 กฟภ.ได้จัดประชุมกับแนวงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำแนวทางปฎิบัติ กรณีงดจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่ใกล้เคียงที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ เพื่อรวบรวมและนำเสนอต่อ ครม. กระทั่ง 7 ม.ค.2568 กฟภ.ได้ส่งข้อมูลผู้ขอซื้อไฟฟ้าไปถึง ป.ป.ส. ปปง. ดีเอสไอและ ตร. ให้ช่วยตรวจสอบ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ ในขณะที่ กฟภ.ได้ดำเนินการประสานกับคู่สัญญา เพื่อขอข้อมูลระบบจำหน่ายไฟฟ้าจากประเทศใกล้เคียง ที่เราให้บริการ

ซึ่งในวันที่ 29 ม.ค.ที่จะถึงนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการ กฟภ. เพื่อเสนอแนวทางการงดจำหน่ายไฟฟ้า ให้กับประเทศใกล้เคียง ในกรณีที่มีผลกระทบเรื่องความมั่นคงของประเทศ เพื่อเสนอเป็นความเห็นให้ ครม.พิจารณา

ขณะที่ตัวแทน สมช.ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า จากการประชุมหารือกับ กฟภ. รวมถึงการตรวจสอบล่าสุด ยังไม่มีข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะยืนยันว่า บริษัทที่นำกระแสไฟฟ้า จาก กฟภ.ไปใช้ กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ  แต่สมช.ก็เข้าใจว่า การใช้ไฟฟ้าก็ต้องวนกันไป ดังนั้น สมช.จะประสานกับหน่วยงานด้านความมั่นคง รวมถึงการไฟฟ้า เพื่อให้ได้ความชัดเจนว่า สรุปแล้วการใช้ไฟฟ้ากระทบต่อความมั่นคงหรือไม่

- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img