“พลังงาน” ตั้งคณะทำงานศึกษาออฟชั่นลดค่าไฟ ย้ำดูทุกจุดที่เป็นไปได้ เสนอทบทวนไฟฟ้าสาธารณะฟรี เหตุถูกบวกในต้นทุนค่าไฟฟ้าฐาน 10 สตางค์ต่อหน่วย แนะหน่วยงานตั้งงบจ่ายไฟฟ้าสาธารณะในพื้นที่ความรับผิดชอบตนเอง ย้ำถอดออกได้ลดค่าไฟได้อีก 10 สตางค์
นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดว่า แนวทางการลดค่าไฟฟ้านั้น ขณะนี้มีการตั้งคณะทำงานขี้นมาดูออฟชั่นต่างๆ แล้ว ประกอบไปด้วย ทีมงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และฝ่ายงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ การไฟฟ้า สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เป็นต้น โดยจะดูทุกแนวทางที่ทำได้ คาดว่า 2 เดือนจะมีความชัดเจน โดยยังบอกไม่ได้ว่า จะลดค่าไฟได้เท่าไหร่ และมีผลในค่าไฟฟ้าที่จะเรียกเก็บจากประชาชนในงวดหน้าเลยหรือไม่ (พ.ค.-ส.ค.68) เพราะการลดค่าไฟฟ้านั้นจะต้องได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งนี้การลดต้นทุนค่าไฟฟ้ามีหลายจุดที่กำลังพิจารณา เช่น ราคาก๊าซธรรมชาติ ค่าผ่านท่อ เป็นต้น
ส่วนประเด็นที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เสนอแนวทางลดค่าไฟ 17 สตางค์ต่อหน่วย โดยทบทวนนโยบายรัฐที่ให้เงินสนับสนุนกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ผลิตไฟฟ้าเข้าระบบในช่วงแรกซึ่งให้เป็นเงินส่วนเพิ่ม ที่เรียกว่า แอดเดอร์ (Adder) ทำให้ราคารับซื้อเพิ่มสูง และมีการต่อสัญญาแบบอัตโนมัติทุก 5 ปี หากมีการทบทวนราคารับซื้อตามต้นทุนจริง จะลดค่าไฟลง 17 สตางค์นั้นเรื่องนี้จะต้องหารือในประเด็นกฎหมายให้รอบคอบ ล่าสุดกระทรวงพลังงานได้ส่งเรื่องไปที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และอัยการ เพื่อหารือในข้อกฎหมายแล้ว ทางด้านแนวทางการเจรจาลดค่าพร้อมจ่าย (AP) กับโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่นั้น เคยมีการหารือกันมาแล้ว แต่ไม่คุ้มที่จะทำ
ด้านนายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า แผนงานปีนี้ของสนพ.จะมีการปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าฐานเพื่อใช้ในปี 2569-2573 ซึ่งจะต้องปรับเป็นระยะอยู่แล้วให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ซึ่งจะเชื่อมโยงมาถึงการลดค่าไฟฟ้าด้วย โดยประเด็นที่มองว่าน่าจะควรทำ ก็คือ การตัดในส่วนของไฟฟ้าสาธารณะที่หน่วยงานต่างๆ มาขอใช้ฟรี ซึ่งแฝงในค่าไฟฟ้าฐานประมาณ 10 สตางค์ต่อหน่วย แต่หากพิจารณาต้องไม่กระทบกับไฟฟ้าส่องสว่างเพื่อความปลอดภัยของประชาชน
ปัจจุบันระบบไฟฟ้าสาธารณะจะอยู่ในส่วนของ loss หรือไฟฟ้าสูญเสียที่จะมีอยู่ในสัดส่วนประมาณ 10% ซึ่งจะเป็นไฟฟ้าที่การไฟฟ้าจะเรียกเก็บไม่ได้ และมารวมเป็นต้นทุนในโครงสร้างค่าไฟฟ้าฐาน ซึ่งองค์กรต่างๆมักจะทำหนังสือมาขอใช้ฟรีเป็นระยะ เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งความจริงแล้วแต่ละองค์กรควรตั้งงบประมาณขึ้นมาจ่ายค่าไฟฟ้าสาธารณะ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของตนเอง จะทำให้การใช้ไฟฟ้าสาธารณะมีประสิทธิภาพ และเหมาะสมมากขึ้น เพราะบางเทศบาลทำหนังสือขอใช้ไฟฟรีทั้งที่เป็นไฟที่ใช้ในสำนักงาน เป็นต้น โดยปัจจุบันไฟฟ้าสาธารณะที่ติดริมถนนทางหลวง และริมถนนสายต่างๆเป็นไฟฟ้าสาธารณะทั้งหมด ซึ่งการไฟฟ้าเก็บเงินไม่ได้
สำหรับความคืบหน้าของการทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (พีดีพี) นั้นถือว่าล่าช้า เพราะมีประเด็นเรื่องการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบ 2 ที่หยุดชะงักไปทั้ง 3,600 เมกะวัตต์ ต้องรอความชัดเจนก่อนนำไปใส่ในแผนพีดีพี คาดว่าแผนพีดีพีจะจัดทำแล้วเสร็จในกลางปีนี้