PEA ไม่หนุนธุรกิจสีเทา ขอตั้งโต๊ะคุยหน่วยงานความมั่นคงมาร์กจุดเสี่ยง พร้อมหยุดจ่ายไฟ-ยกเลิกสัญญาพื้นที่ตะเข็บชายแดนที่กระทบความมั่นคง ยันต้องมีข้อมูล PEA ทำพลการไม่ได้ เหตุเป็นเรื่องละเอียดอ่อนกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การค้าขาย และประชาชนทั่วไป
นายประสิทธิ์ จันทร์ประสิทธิ์ รองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เปิดเผยว่าในเร็วๆนี้ทาง PEA จะมีการหารือกับหน่วยงานความมั่นคง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดหารือ เพื่อหาข้อยุติการขายไฟฟ้าแนวตะเข็บชายแดนที่เป็นจุดเสี่ยงให้กับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อไม่ให้การขายไฟฟ้าของ PEA มีส่วนสนับสนุนธุรกิจสีเทาไม่ว่าจะเป็นแก็งคอลเซนเตอร์และมิจฉาชีพอื่นๆ คาดว่าจะมีการประชุมวันที่ 4 หรือ 6 ก.พ.นี้ โดย PEA มีความประสงค์จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องระบุว่าการขายไฟฟ้าในจุดใดที่จะกระทบกับความมั่นคง เพราะ PEA หน่วยงานเดียวไม่สามารถทำได้
“PEA ไม่สนับสนุนธุรกิจสีเทา แต่การหยุดจ่ายไฟฟ้า หรือการยกเลิกสัญญา PEA ทำพลการไม่ได้ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องอาศัยข้อมูลเชิงประจักษ์ ซึ่งก็มีการประสานงานไปที่รัฐบาลสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามอาจไม่ต้องรอหากหน่วยงานความมั่นคงของไทยฟันธงมาซึ่งเราก็ประสานไปตั้งแต่ปลายปี 67 เช่นกัน”
ทั้งนี้ PEA พร้อมยุติการจ่ายไฟฟ้าทันที เพราะตามหลักการแล้ว PEA สามารถทำได้หากเข้าเงื่อนไข 2 ประการ คือ คู่สัญญาผิดสัญญา เช่น ไม่ชำระค่าไฟฟ้าตามกำหนด หรือไม่วางประกันสัญญา และกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งปัจจัยเรื่องความมั่นคงนั้นเรายังไม่ได้นำมาพิจารณาอย่างจริงจัง ดังนั้นจึงต้องเร่งเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือในเร็วๆนี้
อย่างไรก็ตามการที่เราจะหยุดจ่ายไฟฟ้าหรือบอกเลิกสัญญาต้องดูอย่างรอบคอบ ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การค้าขาย และการดำรงชีวิตของประชาชน เพราะทาง PEA จะตัดสายจากจากมิเตอร์จุดจ่ายไฟฟ้าในฝั่งไทยเลย ไม่ตัดเป็นจุดๆของประเทศเพื่อนบ้าน เพราะเราเข้าไปตรวจสอบอะไรไม่ได้ในพื้นที่ของประเทศอื่น
ขณะเดียวกัน PEA ได้หารือกับกฤษฎีกา และอัยการในการแก้ไขสัญญาการขายไฟฟ้าให้กับประเทศเพื่อนบ้านตามแนวตะเข็บชายแดนเพื่อให้มีความรัดกุมมากขึ้น แนวทาง คือต้องให้คู่สัญญาระบุว่านำไปใช้เพื่อการใด เช่น การศึกษา สาธารณสุข หรือการศาสนา เป็นต้น
ทั้งนี้ปัจจุบัน PEA จ่ายกระแสไฟฟ้าให้สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา จำนวน 5 จุดกับคู่สัญญาซึ่งได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยผ่านการรับรองความถูกต้องและความน่าเชื่อถือด้านเอกสารจากกระทรวงการต่างประเทศ และ PEA ได้ประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงของไทยในพื้นที่ก่อนจำหน่ายไฟฟ้า ซึ่งทั้ง 5 จุดที่จำหน่ายไฟฟ้า ประกอบด้วย
1. บ้านเจดีย์สามองค์ – เมืองพญาตองซู รัฐมอญ คู่สัญญา คือ บริษัท Mya Pan Investment and Manufacturing Company Limited
2. บ้านเหมืองแดง – เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน คู่สัญญา คือ บริษัทอัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) จำกัด
3. สะพานมิตรภาพไทย – พม่า – เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน คู่สัญญา คือ บริษัทอัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) จำกัด
4. สะพานมิตรภาพไทย – พม่า แห่งที่ 2 อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง คู่สัญญา คือ Nyi Naung Oo Company Limited และ Enova Grid Enterprise Myanma Company Limited
5. บ้านห้วยม่วง – อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง คู่สัญญา คือ บริษัท Shwe Myint Thaung Yinn Industry & Manufacturing Company Limited (SMTY)
นายประสิทธิ์ กล่าวว่าที่ผ่านมามีการระงับจ่ายไฟฟ้าในบางจุด ในปี 2566 ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทย ขอให้กระทรวงการต่างประเทศของไทยแจ้ง PEA ดำเนินการระงับการจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่ 2 จุดที่บ้านวังผา อ.แม่ระมาด – บ.ก๊กโก๋ อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง และบ้านแม่กุใหม่ท่าซุง – อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สำหรับอีก 1 จุด ปี 2567 ในพื้นที่ อ.เชียงแสน – เมืองพงษ์ จ.ท่าขี้เหล็ก คู่สัญญาผิดนัดชำระค่าไฟฟ้า ทำให้ PEA ยกเลิกจุดซื้อขายไฟฟ้า ทั้ง 3 จุดดังกล่าวแล้ว
“การตรวจสอบว่ามีการกระทำใดที่มีผลต่อความสงบเรียบร้อย หรือความมั่นคงของไทย PEA ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบกรณีดังกล่าวในประเทศคู่สัญญาได้ ต้องอาศัยหน่วยงานภาครัฐที่มีอำนาจประสานตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและแจ้งให้ PEA ดำเนินการซึ่งเราพร้อมร่วมมือ”
ทั้งนี้การขายไฟฟ้าให้กับประเทศเพื่อนบ้านนั้นเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศตามมติครม. 2539 ที่เห็นชอบในหลักการให้ PEA ขายไฟฟ้าให้กับประเทศเพื่อนบ้านในบริเวณหมู่บ้านที่ใกล้เคียงกับเขตชายแดนของไทยโดยไม่ต้องขออนุมัติในระดับนโยบายอีกแต่ทั้งนี้ให้เสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อทราบยกเว้นมีประเด็นนโยบายที่สำคัญให้เสนอพิจารณา โดยขายให้ราคาเดียวกับประเทศไทย
ในส่วนของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา PEA ขายให้ไฟฟ้าให้คิดเป็นเงิน 800 ล้านบาท กัมพูชา 216 ล้านบาทต่อปี สปป.ลาว ซื้อจากไทยลดลงต่อเนื่อง เพราะผลิตไฟฟ้าในประเทศได้มากขึ้น คิดเป็นเงิน 630,000 บาทต่อปี ทั้งนี้การขายไฟฟ้าให้กับประเทศเพื่อนบ้านมีสัดส่วนน้อยมากเมื่อเทียบกับการผลิตไฟฟ้าของ PEA ในแต่ละปีที่เรามีหน่วยขายไฟฟ้า 1.7 ล้านหน่วยต่อปี คิดเป็นยอดขาย 6 แสนล้านบาท
