อากาศร้อนจัด-มาตรการWFH ดันยอดใช้ไฟฟ้าพีคสุดในรอบปีนี้เป็นครั้งที่ 2 แตะ 30,936.5 เมกะวัตต์ คาดอุณหภูมิมีโอกาสสูงแตะ 41 องศา ระหว่าง 23-29 เม.ย. นี้
รายงานข่าวการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ระบุว่า ยอดการใช้ไฟพุ่งทำสถิติสูงสุดในรอบปีนี้ เป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ที่ผ่านมา เวลา 20.49 น. โดยมียอดใช้ไฟฟ้าสูงสุด(พีค) 30,936.5 เมกะวัตต์ เนื่องจากสภาพอากาศร้อนสะสมต่อเนื่อง โดยพยากรณ์อากาศไทยคาดการณ์อุณหภูมิเฉลี่ยอาจแตะ 41 องศา ระหว่างวันที่ 23-29 เม.ย. นี้
โดยพีคไฟฟ้ารอบแรกของปี 2565 เกิดเมื่อวันที่ 26 เดือนมี.ค. ที่ผ่านมาเวลา 20.39 น. ยอดใช้ไฟฟ้ารวม 30,261.6 เมกะวัตต์ และเมื่อ 23 เม.ย. ได้เกิดพีคไฟฟ้ารอบสองขึ้นว ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบกับพีคไฟฟ้าของปี 64 ที่ผ่านมายอดใช้ไฟฟ้าสูงกว่าปี 65 โดยแตะระดับ 31,023.1 เมกะวัตต์
อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าล่าสุดวันที่ 25 เม.ย. พบว่า ยอดใช้ไฟฟ้ายังคงทะลุ 3 หมื่นเมกะวัตต์ โดยอยู่ระดับ 30,909.8 เมกะวัตต์ เมื่อเวลา 14.54 น. ซึ่งหากตลอดสัปดาห์นี้อุณหภูมิยังสูงและร้อนต่อเนื่องอาจมีโอกาสเกิดพีคไฟฟ้าของปี รอบที่ 3 ได้ ส่วนพีคไฟฟ้าระดับประเทศ ที่ทำสถิติการใช้ไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ 32,272.8 เมกะวัตต์ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 62 เวลา 14.27 น.
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) และในฐานะโฆษก กกพ. กล่าวว่า ยอดใช้ไฟฟ้าสูงขึ้นไปตามสภาพอากาศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งไม่ได้หมายความว่ามาตรการขอความร่วมมือลดใช้ไฟฟ้าจากภาครัฐจะล้มเหลว เพียงแต่มีปัจจัยหลายด้านทำให้ยอดใช้ไฟฟ้าสูงขึ้น ทั้งด้านอากาศร้อน และมาตรการ Work from home ที่ยังใช้กันอยู่บางหน่วยงาน
ทั้งนี้การขอความร่วมมือลดใช้ไฟฟ้าในปีนี้ แตกต่างจากปีอื่นๆที่ผ่านมา เนื่องจากไม่ได้มุ่งหวังที่การลดพีคไฟฟ้า แต่มุ่งหวังไปยังการลดใช้ไฟฟ้าเพื่อทำให้การใช้ก๊าซธรรมชาติลดลง จนส่งผลให้ยอดใช้ก๊าซฯผลิตไฟฟ้าพอดีกับจำนวนก๊าซฯที่ประเทศไทยผลิตได้เอง ซึ่งจะช่วยลดการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) ที่มีราคาแพง ซึ่งการขอความร่วมมือลดใช้ไฟฟ้าในครั้งนี้จะเป็นมาตรการระยะยาวไปตลาดปี 2565 หรือจนกว่าก๊าซฯ จากแหล่งเอราวัณจะกลับมาผลิตได้เต็มศักยภาพที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จากปัจจุบันผลิตได้ประมาณ 399 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ในช่วงเริ่มต้นการผลิตปิโตรเลียมด้วยระบบแบ่งปันผลผลิต(PSC) แทนระบบสัมปทาน
อย่างไรก็ตามปัจจุบันภาครัฐยังไม่มีเครื่องมือตรวจวัดการลดใช้ไฟฟ้าของประชาชน ซึ่ง กกพ. กำลังหารือถึงแนวทางการทำเครื่องมือวัดผลการลดใช้ไฟฟ้า เพื่อให้ประชาชนได้เห็นอย่างชัดเจน พร้อมมาตรการขอความร่วมมือลดใช้ไฟฟ้าอย่างเข้มข้นต่อไป