“วัชระ” ยก 9 ประเด็นโต้ กลับ “ซิโน-ไทย” ซัดก่อสร้างสภาฯหลายจุดบกพร่องอื้อ ลั่นถ้าเป็นผู้ถือหุ้นใหม่ สั่งปลดกรรมการผู้จัดใหญ่ทันที เหตุไร้ประสิทธิภาพ
วันที่ 20 ต.ค.65 ที่รัฐสภา นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประขาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่ของนายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจึเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) ออกมาชี้แจงปัญหาในการก่อสร้างอาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า การชี้แจงดังกล่าวของนายภาคภูมินั้นเป็นความเท็จ 1.ที่กล่าวอ้างว่า ตน และนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.กทม.พรรคปชป. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับโครงการนั้นไม่เป็นความจริง เพราะโครงการนี้สร้างด้วยเงินภาษีของประชาชน 12,280 ล้านบาท ซึ่งมีการทำสัญญาเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 56 ขณะที่ตนและนายวิลาศเป็น ส.ส. รวมทั้งรัฐธรรมนูญปี 60 มาตรา 63 และ มาตรา 78 ให้อำนาจหน้าที่ประชาชนชี้เบาะแสการทุจริตแก่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
นายวัชระ กล่าวว่า 2.ที่กล่าวหาว่าเป็นความพยายามสกัดขัดขวางการส่งมอบงานนั้นเป็นความเท็จ เพราะตามสัญญาและที่ต้องแก้ไขเพิ่มเติมในการส่งมอบงานนั้นการก่อสร้างต้องเสร็จสมบูรณ์ 100% เมื่องานไม่เสร็จสมบูรณ์ประชาชนย่อมมีสิทธิทักท้วงต่อทางราชการ แม้บริษัท ซิโน-ไทยฯ ได้ทำหนังสือส่งมอบงานแล้วต่อนายสาธิต ประเสริฐศักดิ์ ประธานคณะกรรมการตรวจการจ้างฯ เมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ไม่รับมอบงาน 3.ที่อ้างการก่อสร้างมีความซับซ้อน ยากที่คนนอกอุตสาหกรรมจะเข้าใจเป็นความเท็จ เพราะสิ่งที่นายวิลาศ ตรวจพบคือการก่อสร้างไม่เป็นไปตามแบบและข้อกำหนดในสัญญาซึ่งได้ส่งหนังสือแจ้งนางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะคู่สัญญาให้ทราบเพื่อแก้ไขให้ถูกต้องแต่นางพรพิศรับทราบแล้วเพิกเฉยมากกว่า 20 เรื่อง นายวิลาศจึงไปยื่นให้ป.ป.ช. ตรวจสอบเรื่องการทุจริตต่อไป
นายวัชระ กล่าวต่อว่า 4.ที่อ้างว่าได้มีการซ่อมแซมแก้ไขนั้น เป็นหน้าที่ของผู้รับจ้างตามสัญญาอยู่แล้วที่ต้องส่งมอบงานเสร็จสมบูรณ์ 100% ตามสัญญา แต่ไม่ได้แก้ไขทั้งหมด 5.ที่อ้างว่ามีกระบวนการกดดันและสร้างกระแส ทำให้การตรวจรับงานไม่เป็นไปตามธรรมชาตินั้นเป็นเท็จ ถ้าบริษัททำอย่างตรงไปตรงมา ก่อสร้างตามแบบและสัญญาทุกประการ ก็ไม่มีใครปฏิเสธที่จะไม่รับงานได้ และที่ผ่านมาอาจมีกระบวนการการครอบงำข้าราชการให้ปฏิบัติในสิ่งที่ขัดต่อหลักกฎหมายและธรรมาภิบาล เช่น นายสาธิต เรียกประชุมเฉพาะกรรมการเสียงข้างมากเข้าประชุมร่วมกับเอกชนและบุคคลที่มีตำแหน่งทางการเมือง โดยไม่เชิญกรรมการเสียงข้างน้อย 3 คนเข้าประชุมด้วย ส่อเจตนาอะไรและชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และนายสาธิตกล่าวในที่ประชุมว่าการตรวจสอบไม้ทุกแผ่นในสภาว่าตรงตามสเปคหรือไม่ ให้ผู้ร้องเรียนเป็นคนออกค่าใช้จ่าย ทั้งที่ต้องเป็นความรับผิดชอบของผู้รับจ้าง เหตุใดจึงไม่ให้กรมป่าไม้ตรวจสอบไม้ทุกแผ่นว่าตรงตามข้อกำหนดหรือไม่ เป็นต้น
นายวัชระ กล่าวอีกว่า 6. ที่อ้างว่าหากมีกระบวนการกลั่นแกล้งนั้น ขอยืนยันว่าไม่มีการกลั่นแกล้งใดๆ ทั้งสิ้น ประชาชนธรรมดาๆ จะไปกลั่นแกล้งบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ที่มีอำนาจบารมีมากล้นได้อย่างไร แต่ตนและนายวิลาศได้ทำหน้าที่พลเมืองดีปกป้องเงินภาษีของประชาชนและประเทศชาติ 7. ที่นายภาคภูมิ แถลงว่าบริษัทฯ ได้ทำงานตามแบบและตามสัญญานั้นเป็นเพียงข้ออ้างของบริษัทเพราะความจริงคือบริษัทไม่ทำตามสัญญาและข้อกำหนด อาทิ สัญญาจ้างช่วงบริษัทผิดสัญญาชัดเจน, ไม้ตะเคียนทอง, เสาไม้สักรอบสภา 4,200 ต้น, ผนังห้องประชุมกรรมาธิการ มีเจตนาสร้างผิดแบบ, หินวิทิตา หินทราโวทีน ไม่เป็นไปตามแบบ, หินแกรนิตสีดำสีไม่สม่ำเสมอ, เสาไฟสูง 15 เมตร เกือบ 100 ต้น ไม่เป็นไปตามแบบ, สายไฟฝังดิน 2,700 เมตร ไม่ทำตามแบบ, ต้นไม้ที่ตายนับร้อยต้น, ประตูไม้กันเสียงห้องประชุมกรรมาธิการ 148 บาน แต่นำประตูเหล็กมาใส่, ลานออกกำลังกายดาดฟ้าชั้น 5 แตกร้าว น้ำท่วมขัง ไม่ได้มาตรฐาน, ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ แตกร้าว เป็นตะไคร่ ลื่นมีแอ่งน้ำขัง ราวจับเป็นสนิม, ฝนตกมีน้ำรั่วตามเพดานชั้นต่างๆ และมีน้ำซึม น้ำไหล โคนเสาคอนกรีตตอหม้อชั้นใต้ดินบี 2 และเกิดตาน้ำ น้ำซึมลานจอดรถและห้องจัดเลี้ยงชั้นบี 2 กว่า 100 จุด และดินถมอาคารรัฐสภาฯ ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด มีการนำเอาขยะ ยางรถยนต์เททับถมแทนดินและอื่นๆ
นายวัชระ กล่าวด้วยว่า 8. บริษัทเซ็นสัญญาก่อสร้าง 900 วัน วงเงิน 12,280 ล้านบาท เบิกจ่ายไปเกือบหมดแล้วได้ขยายเวลาก่อสร้างถึงสิ้นปี 2563 ขัดมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ให้สร้างให้เสร็จภายในปี 62 ได้ขยายเวลาก่อสร้าง 4 ครั้ง รวม 1,864 วัน และวันนี้เป็นวันก่อสร้างสภาวันที่ 3,422 วัน ต้องคิดค่าปรับจำนวน 658 วัน การก่อสร้างก็ยังไม่แล้วเสร็จ และ 9. เว็บไซต์เกี่ยวกับงานก่อสร้างของสำนักงานสภาผู้แทนราษฎร มีไว้ทำไม ไม่เคยลงข้อมูลใหม่ที่เป็นปัจจุบันหรือแจ้งประเด็นสำคัญเลยถ้าทางราชการจะไม่ปรับบริษัทนี้แม้แต่บาทเดียว ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน บริษัทกล้ารับประกันหรือไม่ว่าน้ำจะไม่รั่วอีกทั้งหลังคาและชั้นใต้ดิน
“การที่ผู้แทนบริษัทมาแถลงไม่ตรงต่อความเป็นจริงเช่นนี้ มีธรรมาภิบาลหรือไม่ ถ้าผมเป็นผู้ถือหุ้นจะเสนอปลดกรรมการผู้จัดใหญ่ เพราะไม่มีประสิทธิภาพ ผลงานสาธารณชนร้องยี้ใช่หรือไม่ และที่กล่าวหาว่าฝ่ายการเมืองข่มขู่กรรมการตรวจการจ้างฯนั้น จริงๆแล้วฝ่ายการเมืองชี้นำกรรมการตรวจการจ้างมากกว่า”นายวัชระ กล่าว