วันพุธ, พฤศจิกายน 27, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWS“ทิพานัน”แจงต่างด้าว 4 ประเภทถึงจะซื้อที่ดิน 1 ไร่ได้ ผิดเงื่อนไขต้องขายคืน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ทิพานัน”แจงต่างด้าว 4 ประเภทถึงจะซื้อที่ดิน 1 ไร่ได้ ผิดเงื่อนไขต้องขายคืน

“ทิพานัน” แจงเงื่อนไขต่างด้าว 4 ประเภท ถึงซื้อที่ดิน 1 ไร่ได้ หากใช้ผิดเงื่อนไขต้องขายคืน พร้อมทบทวนทุก 5 ปี

เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับกฎกระทรวงเรื่องการซื้อที่ดินของคนต่างด้าว  ว่า ในร่างกฎกระทรวงดังกล่าว การให้สิทธิคนต่างด้าวถือครองที่ดิน 1 ไร่นั้น มีเงื่อนไขที่สำคัญคือ  ต้องเป็นคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูง 4 ประเภทที่ได้รับวีซ่าพำนักระยะยาว หรือ LTR Visa” เท่านั้น คือ

1. กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง คือ มีทรัพย์สินอย่างน้อย 1 ล้านเหรียญสหรัฐ, มีรายได้ส่วนบุคคลขั้นต่ำ 80,000 เหรียญสหรัฐต่อปีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และมีการลงทุนในไทยอย่างน้อย 500,000 เหรียญสหรัฐ

2. กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ คือ มีอายุ 50 ปีขึ้นไปที่รับเงินบำนาญและมีรายได้ส่วนบุคคลไม่น้อยกว่า 80,000 เหรียญสหรัฐต่อปี หรือมีรายได้ส่วนบุคคลไม่น้อยกว่า 40,000 เหรียญสหรัฐต่อปีและมีการลงทุนในไทยอย่างน้อย 250,000 เหรียญสหรัฐ

3. กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย  คือ มีรายได้ส่วนบุคคลไม่น้อยกว่า 80,000 เหรียญสหรัฐต่อปีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หรือมีรายได้ส่วนบุคคลไม่น้อยกว่า 40,000 เหรียญสหรัฐต่อปีและจบการศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไป หรือครอบครองทรัพย์สินทางปัญญา หรือได้รับเงินทุน Series Aในธุรกิจไม่น้อยกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ, ทำงานในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือบริษัทที่มีรายได้ไม่น้อยกว่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายใน 3 ปีที่ผ่านมา และมีประสบการณ์ทำงานไม่น้อยกว่า 5 ปี

4. กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ คือ มีรายได้ส่วนบุคคลไม่น้อยกว่า 80,000 เหรียญสหรัฐต่อปีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา, มีสัญญาจ้างทำงานมีทักษะเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเป้าหมาย และมีประสบการณ์ทำงานไม่น้อยกว่า 5 ปี

ทั้งนี้ กลุ่มต่างด้าวทั้ง 4 กลุ่มต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และมีกรมธรรม์ประกันสุขภาพคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในประเทศ ไทยไม่น้อยกว่า 50,000 เหรียญสหรัฐดังนั้นจากหลักเกณฑ์เข้มงวด ที่ต้องเป็น LTR Visa ก่อนมีที่ดิน จึงมีการลดเงื่อนไขระยะเวลาการลงทุนลงจาก 5 ปีเหลือ 3 ปี เพื่อจูงใจบุคคลที่มีศักยภาพสูง 4 ประเภทนี้มาลงทุน  จึงไม่ได้ลดเพื่อให้คนต่างด้าวซื้อที่ดินได้ง่ายขึ้น  แต่กลับคัดกรองคนคุณภาพเข้าสู่ประเทศไทย พร้อมกับเงินลงทุน  40 ล้านบาท และหากผิดเงื่อนไขในรายละเอียดที่กำหนดจะต้องมีการขายคืนที่ดิน กลุ่มบุคคลนี้จะนำเม็ดเงินเข้าประเทศและเกิดการใช้จ่ายภายในประเทศที่มากขึ้นและเพิ่มการกระจายรายได้เป็นผลดีต่อผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้อง สร้างรายได้ต่อเนื่องให้คนไทยในทุกกิจกรรมที่กลุ่มนี้พำนักอยู่ มีศักยภาพถ่ายทอดองค์ความรู้ให้คนไทย จะส่งผลให้เกิดการลงทุนมากขึ้นและเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

 ในส่วนที่พรรคเพื่อไทยแถลงว่า “เนื้อหาของกฎกระทรวงปี 2545 ในเรื่องเดียวกันนั้น มีเนื้อหาที่เข้มงวดและกำหนดเงื่อนไขที่คนต่างด้าวซื้อที่ดินได้ยากกว่า” นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะกฎกระทรวงปี 2545 อนุญาตให้ “คนต่างด้าวทุกคน” ที่มีเงิน 40 ล้านบาทก็ซื้อที่ดินได้แล้ว แต่ร่างกฎกระทรวงปี 2565 ใหม่นี้ อนุญาตให้เฉพาะ “คนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูง 4 ประเภทที่ได้รับวีซ่าพำนักระยะยาว หรือ LTR Visa” เท่านั้น รัฐบาลยังถามความเห็นไปหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ยังได้ยืนยันวิเคราะห์ว่า หลักการในร่างกฎกระทรวงปี 2565 “ไม่ส่งผลต่อเสถียรภาพระบบเศรษฐกิจการเงิน ทั้งด้านการกระตุ้นให้เกิดการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์และไม่เพิ่มแรงกดดันให้ราคาอสังหาริมทรัพย์โดยภาพรวมปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ”

นอกจากนี้ที่ดินที่อนุญาตให้ซื้อเป็นที่ดินมีพื้นที่กำหนดชัดเจน ทั้งนี้ ลักษณะการกระตุ้นและจูงใจต่างชาติเข้าลงทุนแบบนี้ ในต่างประเทศก็มีเช่นกัน  ซึ่งสิทธิประโยชน์แต่ละที่ก็แตกต่างกันไป  ซึ่งหลายประเทศก็จูงใจนักลงทุนสามารถขอถือสิทธิ์การพำนักอาศัยถาวร จนเป็นสิทธิพลเมืองนั้นได้

น.ส.ทิพานัน กล่าวอีกว่า สิ่งที่สังคมสงสัยคือ กฎกระทรวงนี้ก็มีมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลเพื่อไทย และที่พรรคเพื่อไทยอ้างว่ากฎกระทรวงปี 2545 ออกเพราะผลกระทบจากวิกฤตต้มยำกุ้งและการชำระหนี้ไอเอ็มเอฟนั้น หากเป็นไปตามคำกล่าวอ้าง เหตุการณ์ดังกล่าวก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ทำไมไม่เคยให้ความสำคัญปรับปรุงแก้ไขกฎกระทรวงฯ เรื่องถือครองที่ดินในช่วงระหว่างปี 2545-2560 เลยทั้งที่ในช่วงนั้นพรรคเพื่อไทยก็มีโอกาสได้เป็นรัฐบาล แต่วันนี้กลับมาบอกว่าถ้าได้เป็นรัฐบาลจะแก้ได้ดีกว่านี้ แต่สิ่งที่ประชาชนเห็นในช่วงนั้นคือ พรรคเพื่อไทยมีพฤติกรรมหมกมุ่นให้ความสำคัญแต่กับการแก้ไข พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยเสียมากกว่า

“แต่ในทางตรงกันข้ามกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้พิจารณาและปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบให้ทันสมัยและเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอย่างรัดกุมและเพื่อประโยชน์ของประชาชนคนไทยทั้งประเทศเสมอ และยังเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 77 ที่บัญญัติให้ รัฐยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่หมดความจำเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ หรือที่เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตหรือการประกอบอาชีพโดยไม่ชักช้าเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน” น.ส.ทิพานัน กล่าว

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ขอให้ประชาชนทุกคนเชื่อมั่นได้ เพราะรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติเสมอมา ไม่เคยมีนโยบายขายชาติ ไม่เคยมีการเอื้อประโยชน์ให้ต่างชาติเพื่อผลประโยชน์ใดๆ รัฐบาลนี้มีแต่ทำประโยชน์ให้คนไทย พัฒนาหารายได้และฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาวะวิกฤต  พร้อมมุ่งจัดสรรที่ดินและคืนสิทธิที่ดินทำกินให้กับพี่น้องเกษตรกร และยังเดินหน้าสร้างโครงการที่อยู่อาศัยให้กับพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มอย่างเสมอภาคโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง  อยากให้พรรคเพื่อไทยทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ คือ นายกฯที่กอบกู้ชาติ มาจาก นายกฯขายชาติ อันมีพฤติการณ์ เช่น ฮั้วต่างชาติโกงโครงการรับจำนำข้าวจนชาวนาไทยเสียชีวิตและทรัพย์สิน โกงบ้านเอื้ออาทรจนประชาชนไม่มีที่อยู่  อนุมัติเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้เมียนมาโดยมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าต้นทุน ตรงนี้ต่างหากคือนิยามของ “นายกขายชาติ”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img