นายกฯ ชื่นชมหน่วยงานขานรับดำเนินการตามนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เห็นผลชัดเป็นรูปธรรม ดันแผนต่อเนื่อง ปี 2566 ชูแนวคิด Digital Infinity ยกระดับคุณภาพชีวิต ขับเคลื่อนประเทศ
เมื่อวันที่ 30 พ.ย.65 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบและชื่นชมผลการดำเนินงานตามแผนส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ระยะที่ 1 (2561 – 2565) ของสำนักงานเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy Promotion Agency : DEPA) หรือ ดีป้า ซึ่งประสบความสำเร็จเห็นผลลัพธ์เป็นรูปธรรม ดันเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยปี 2565 มูลค่าสูงถึง 7.7 แสนล้านบาท พร้อมต่อยอดสู่แผนการดำเนินงาน ปี 2566 ภายใต้แผนส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ระยะที่ 2 (2566 – 2570) ภายใต้แนวคิด “DIGITAL INFINITY ดิจิทัลไม่มีที่สิ้นสุด” ยกระดับทักษะทางดิจิทัลของคนไทย ผลักดันประเทศด้วยพลังของคนรุ่นใหม่
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การดำเนินตามแผนส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลนั้น เน้นให้ ประชาชน เอกชน และภาครัฐ มีส่วนร่วมกับเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น โดยในการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์นี้ ประกอบไปด้วยการเสริมสร้างทักษะด้านโค้ดดิ้ง (Coding) ให้กับเด็กและเยาวชนกว่า 1,500 โรงเรียน จำนวน 1 แสนคน เพิ่มศักยภาพกำลังคนดิจิทัลผ่านการ Upskill , Reskill และ New Skill พร้อมสร้างดิจิทัลสตาร์ทอัพสัญชาติไทยกว่า 142 ราย เพื่อขยายตลาดไปยังต่างประเทศ รวมถึงการออกสิทธิและใบอนุญาตทำงานเพื่อดึงผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี (Tech Talent) เข้ามาทำงานในไทยมากยิ่งขึ้น ส่งเสริม ให้เกิดการทรานส์ฟอร์มกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก (Real Sector) ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจและบริการ ภาคการท่องเที่ยว และภาคเกษตรกรรม ด้วยการนำเทคโนโลยขี้นสูงเข้ามาใช้ เช่น AI , 5G , Blockchain ซึ่งคาดว่าจะเกิดมูลค่าหมุนเวียนทางเศรษฐกิจมากกว่า 16,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ แผนส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลนี้ ยังดำเนินการขับเคลื่อนชุมชนสู่สังคมดิจิทัล สนับสนุนให้ชุมชมเข้าถึงและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น เพิ่มความสามารถในการผลิต เพิ่มรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน โดยมีชุมชนที่สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลและเทคโนโลยีดิจิทัลมากถึง 281 ชุมชน เกิดเมืองอัจฉริยะ (Smart City) จำนวน 30 พื้นที่ใน 23 จังหวัด สร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่กลับไปทำงานเพื่อพัฒนาภูมิลำเนาของตนเอง และบูรณาการการทำงานกับท้องถิ่นผ่านโครงการนักส่งเสริมดิจิทัลพัฒนาเมืองรุ่นใหม่ (Smart City Ambassadors) อีกทั้งขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับนวัตกรรมดิจิทัล ผ่านโครงการ Thailand Digital Valley (แล้วเสร็จภายในปี 2567)
ในปี 2566 ดีป้าจะดำเนินแผนส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ภายใต้แนวคิด Digital Infinity ที่จะให้ความสำคัญกับ Blockchain, Big data และ AI รวมถึงการส่งเสริมสตาร์ทอัพในทุกอุตสาหกรรม, ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาใช้ในอุตสาหกรรมมากขึ้น เชื่อว่าจะทำให้ภาคประชาชน สามารถเข้าถึงการใช้เทคโนโลยี เป็นเจ้าของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัล ถือว่าจะเป็นการพัฒนากำลังคนสู่การเป็น “พลเมืองดิจิทัล” ต่อยอดประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสู่อาชีพแห่งอนาคต สร้างผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลสัญชาติไทย เพิ่มประสิทธิภาพในภาคอุตสาหกรรม เกษตร SMEs ชุมชน ฯลฯ ซึ่งสอดคล้องกับแผนแม่บทการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมใหม่ และซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาล
“นายกรัฐมนตรีขอบคุณการทำงานของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจดิจิทัลของไทยในปีนี้จะมีมูลค่าประมาณ 7.7 แสนล้านบาท และในปีหน้าคาดว่าจะสามารถเติบโตขึ้นที่ 9.9 แสนล้านบาท โดยเติบโตจากอุตสาหกรรมเกม การลงทุนสตาร์ทอัพ และอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าการส่งเสริมพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล นอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ทุกภาคส่วน ช่วยส่งเสริมมูลค่าทางเศรษฐกิจ ยังเพิ่มการแข่งขัน เพิ่มศักยภาพประชาชน แล้วยังเป็นการกระจายความเจริญสู่ทุกภาคส่วนของประเทศได้อีกด้วย” นายอนุชา กล่าว