“นายกฯ” ห่วงคุณแม่ใช้สิทธิประกันสังคม เพิ่มจ่ายเงินสงเคราะห์บุตรเดือนละ 800 บาท ขอใช้สิทธิได้แล้ววันนี้
เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.565 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีความห่วงใยคุณแม่ผู้ใช้สิทธิประกันสังคม เมื่อคลอดบุตรแล้วอย่าพลาดใช้สิทธิในการรับเงินสงเคราะห์บุตรเดือนละ 800 บาท จากประกันสังคมต่อบุตร 1 คน ตั้งแต่แรกเกิดไปจบครบ 6 ปีบริบูรณ์ จำนวนไม่เกิน 3 คน ซึ่งเดิมได้รับเดือนละ 600 บาท เป็น 800 บาท ตามประกาศกฎกระทรวงแรงงาน เรื่องการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2564 ซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 มาแล้ว
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ทั้งนี้การเพิ่มจำนวนเงินดังกล่าว เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรของผู้ประกันตน และภาคแรงงาน ให้สามารถเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเป็นกำลังสำคัญในการร่วมกันพัฒนาประเทศชาติต่อไป
สำหรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการรับสิทธิ์
-ต้องเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 (ลูกจ้างประจำ) มาตรา 39 (ผู้ประกันตนภาคสมัครใจ) และมาตรา 40 (ทางเลือกที่ 3)
-จ่ายเงินสมทบมาไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน จ่ายประกันสังคมมามากกว่า 12 เดือนแล้ว ภายในเวลา 36 เดือน
-ต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ยกเว้น บุตรบุญธรรมหรือบุตรซึ่งยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่น
-อายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน
การหมดสิทธิรับเงินกรณีสงเคราะห์บุตร
-เมื่อบุตรอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์
-บุตรเสียชีวิต
-ยกบุตรให้เป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่น
-ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งนี้คุณแม่ผู้ประกันตนสามารถยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร ได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขาที่ท่านสะดวก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่สายด่วน 1506 และwww.sso.go.th
“พล.อ.ประยุทธ์ย้ำให้ประชาสัมพันธ์มายัง คุณแม่ที่อยู่ในประกันสังคมทุกคนที่เข้าเงื่อนไขได้ทราบข้อมูลสิทธิประโยชน์นี้ และย้ำว่ารัฐบาลได้จัดเตรียมเงินสงเคราะห์บุตรไว้ให้คุณแม่ทุกคนและมีนโยบายเร่งจ่ายให้ครบถ้วน เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่ต้องดูแลบุตรได้รับเงินทั่วถึงและนำไปใช้ได้ทันเวลากับความต้องการ ทั้งนี้รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ มุ่งมั่นที่จะการสร้างหลักประกันสังคมให้ครอบคลุมกับคนทุกช่วงวัย ทุกเพศสภาพและทุกกลุ่ม โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน มุ่งพัฒนาคนในทุกมิติ เพื่อให้เติบโตอย่างมีคุณภาพเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติ” น.ส.ทิพานัน กล่าว