วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlightเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดูแลผู้ป่วยโควิด “หมอยง”มั่นใจปี 66-Q2 สู่ภาวะปกติ!!
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดูแลผู้ป่วยโควิด “หมอยง”มั่นใจปี 66-Q2 สู่ภาวะปกติ!!

“หมอยง”ชี้กาลเวลาพิสูจน์การดูแลผู้ป่วยโควิด คาดไทยสถานการณ์กำลังกลับคืนเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น และในที่สุดเชื่อว่าในปีหน้าก็จะเข้าสู่ภาวะปกติตั้งแต่ ไตรมาส 2 เป็นต้นไป

เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Yong Poovorawan  ว่า โควิด-19 การดูแลผู้ป่วย covid ของไทย เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการผ่อนหนักผ่อนเบาในการดูแลผู้ป่วย และจัดการกับการระบาดของโรคโควิด-19 มีทั้งผ่านอุปสรรค อย่างมากมาย โดยเฉพาะในสื่อสังคมออนไลน์

ผลลัพธ์ที่ผ่านมาถึงแม้ว่าจะมีการสูญเสีย มีผู้เสียชีวิตสูงถึง อย่างน้อย 33,000 คน หรือเฉลี่ยปีละ 10,000 คน เมื่อดูแล้วก็นับว่ามากพอดู แต่เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศทางตะวันตก ไม่ว่ายุโรปและอเมริกา

ในอเมริกาเอง มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1 ล้านคนในช่วง 3 ปี หรือเปรียบเทียบกับประชากรประมาณ 3,200 คน ต่อประชากร 1 ล้านคน สำหรับของประเทศไทยอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 470 ต่อประชากร 1 ล้านคน หรือน้อยกว่าอเมริกามากกว่า 6 เท่า ข้อมูล จาก Our world in data

อเมริกาเริ่มให้วัคซีนก่อนประเทศไทย และมีการใช้วัคซีนส่วนใหญ่ เป็น mRNA ทั้งสิ้น ก่อนประเทศไทยหลายเดือน แต่ผลระยะยาวทุกคนคงเข้าใจแล้วว่า มาตรการในการดูแลควบคุมโรค ต้องประกอบไปด้วยหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ใช่เฉพาะวัคซีนเท่านั้น เรามีวัคซีน mRNA ใช้ในประเทศไทยช้ากว่าอเมริกาเกือบร่วมปี และในที่สุดก็ทราบว่าวัคซีนแต่ละชนิดไม่มีความแตกต่างกันเลย กาลเวลาที่ผ่านมาได้พิสูจน์ ความคาดหวังแต่เริ่มแรก ได้มีการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด

ขณะนี้เรากำลังกลับคืนเข้าสู่ภาวะปกติ มากขึ้น และในที่สุดเชื่อว่าในปีหน้าก็จะเข้าสู่ภาวะปกติตั้งแต่ Q2 เป็นต้นไป แม้ยังมีโรคนี้อยู่ที่เป็นโรคประจำฤดูกาลมรสุมที่เราได้ต่อสู้มา ยาวนาน ยิ่งกว่าวิ่งมาราธอน และในที่สุด ก็จะถึงเป้าหมาย และก้าวผ่านไปได้อย่างดี ภูมิต้านทานที่เรามีอยู่ขณะนี้ส่วนใหญ่จะเป็นภูมิต้านทานแบบลูกผสม คือจากวัคซีนและการติดเชื้อ ซึ่งผลที่ได้ มีประสิทธิภาพสูง ถึงแม้ว่าจะมีการติดเชื้อซ้ำได้อีก ความรุนแรงของโรคก็จะลดลงไปตามลำดับ จำนวนผู้ป่วยที่จะต้องนอนโรงพยาบาล หรือป่วยหนัก ก็จะอยู่ในสภาวะที่ระบบสาธารณสุขรองรับได้

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img