“หมอหนู” เต้นผาง จี้ “กทม.” เดินหน้าเอาผิด “พ.ร.บ.โรคติดต่อ-พรก.ฉุกเฉิน” ทั้งสองโรงแรม “บันยันทรี-เรเนซองส์” กรณีปล่อยให้จัดปาร์ตี้วันเกิด ลั่นไม่มีใครใหญ่กว่ากฎหมาย ปล่อยให้เปิดเกิน 3 ทุ่ม-ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ย้ำถ้าไม่ทำก็ผิด ม.157
เมื่อวันที่ 28 ม.ค.64 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากงานเลี้ยงวันเกิด นายเตชินท์ พลอยเพชร หรือ “ดีเจมะตูม” มีการปกปิดข้อมูลไทม์ไลน์ว่า การปกปิดข้อมูลนั้น ถือว่าเข้าข่ายให้การเท็จ ผิดกฎหมายอาญาทั่วไปอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้อยากให้เชื่อใจบุคลากรการแพทย์ ที่ทำหน้าที่สอบสวนโรคนั้น จะไม่เอาข้อมูลไปเปิดเผย ไม่สนใจเรื่องส่วนตัว สิ่งที่สนใจมีเพียงการสอบสวนข้อมูลเพื่อดูว่าท่าน ถ่ายทอดความเสี่ยงต่อให้ใครบ้าง จะได้ตามไปควบคุมโรค แก้ไข รักษา ทั้งนี้ได้กำชับให้อธิบดีกรมควบคุมโรค ส่งหนังสือถึงกทม.ให้เร่งดำเนินคดี เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ไม่อย่างนั้นจะเป็นปัญหาอยู่ร่ำไป
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ไม่มีเส้นสาย ไม่มีใครใหญ่กว่ากฎหมาย ส่วนเรื่อง ข้อหา นั้น ตาม พ.ร.บ.สถานการณ์ฉุกเฉิน กำหนดตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค. ชัดเจนว่าในกทม.ร้านอาหารเปิดได้ถึง 3 ทุ่ม และห้ามมีบริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลย ทั้งห้ามขาย หรือหิ้วเข้ามาดื่ม ทั้งนี้การมีปาร์ตี้ที่บ้านไม่ผิด แต่ถ้าไปจัดที่ดาดฟ้า โรงแรมบันยันทรี ซึ่งตนก็เคยไป และเห็นว่ามีลักษณะเป็นผับ ว่ากันจริงๆ ก็เปิดไม่ได้ด้วยซ้ำ เช่นเดียวกับ โรงแรมเรเนซองส์ ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ต้องไปสอบสวนโรค ที่บอกว่าเลิก 3 ทุ่มก็ต้องดูตรงนี้ ถ้าบอกว่าเป็นห้องส่วนตัวก็ต้องไปดู ถ้าห้องส่วนตัวก็ต้องห้ามมีบริการ ถ้าซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีการวางบิลชัดเจนก็จบ ดูว่ามีดนตรีหรือไม่ ทั้งนี้ถ้าซื้อมาจากข้างนอก แล้วกินกันเฉพาะในครอบครัวก็จบ
เมื่อถามว่าการเอาผิดครอบคลุมถึงใครบ้าง นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อเป็นกระแสอย่างนี้แล้ว เจ้าหน้าที่ต้องดูหมด คำว่า “ห้าม” ก็หมายความว่า ห้ามกระทำการนั้น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของงาน ผู้ร่วมงาน เจ้าของโรงแรม ผู้จัดการโรงแรม ผู้จัดการ ร้านอาหาร ถ้าว่าแล้วเข้าข้อกฎหมายหมด ทั้งพ.ร.บ.โรคติดต่อ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถ้าไม่ทำเราก็ผิดมาตรา 157