เครือข่ายสลัม 4 ภาค บุกสธ. จี้ยกเลิกคำสั่งย้าย “หมอสุภัทร” ไม่เป็นธรรม หยุดอ้างคนดีอยู่ที่ไหนก็ดี ลั่น “คนดีไม่มีอยู่จริง มันปลอม” ปัดสัมพันธ์ใกล้ชิด ร่วมงานการเมือง ระบุแค่ทำงานร่วมกัน ขู่ “อนุทิน” ระวังกระทบฐานเสียงพรรคภูมิใจไทย
เมื่อวันที่ 30 ม.ค.66 ที่กระทรวงสาธารณสุข เครือข่ายสลัม 4 ภาค จำนวนหนึ่ง นำโดย นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย ในฐานะแกนนำเครือข่ายสลัม 4 ภาค นายธนพล ดอกแก้ว นายกสมาคมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย เพื่อมอบตะเกียงให้กับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมอ่านแถลงการณ์คัดค้านการย้ายนพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ จากผอ.รพ.จะนะ ไปเป็นผอ.รพ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เนื่องจากเห็นว่าคำสั่งย้ายมีความผิดปกติ ไม่มีระเบียบรองรับ แล้วรีบดำเนินการปรับแก้ระเบียบใหม่ เพื่อให้ผู้ตรวจราชการมีสิทธิสั่งย้ายได้ จึงขอประณามผู้สั่งย้ายดังกล่าวเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือ ความโปร่งใส และธรรมาภิบาลของสธ.
ดังนั้นขอให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สธ.และนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดสธ. ออกมาชี้แจงเรื่องนี้และยกเลิกคำสั่งดังกล่าวทันที ทั้งนี้นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ ผู้ตรวจฯ เขต 8 เป็นผู้รับหนังสือ และกล่าวว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอในจ.สงขลา ซึ่งมีอ.จะนะ และอ.สะบ้าย้อยนั้น จัดเป็นพื้นที่พิเศษที่จะมีระเบียบ หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการบริหารราชการเป็นกรณีพิเศษอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม จะมีการนำหนังสือดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการรับรองร้องเรียน เหมือนกับเรื่องร้องเรียนอื่นๆ ส่วนเรื่องการสั่งย้ายนนั้น เป็นอำนาจบริหาร
นายอภิวัฒน์ กล่าวตอนหนึ่งว่า สธ.ควรเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนและคนทำงานก็ต้องได้รับความยุติธรรม ระบบราชการไทยอยู่ไม่ได้รับฟังแต่คำสั่งเท่านั้น ทั้งนี้การทำงานด้วยกัน การแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย คือการพัฒนาที่ยั่งยืนและทำให้ระบบราชการแข็งแรงมากขึ้น มีโอกาสทำงานดูแลประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่ถ้าระบบราชการยังเป็นแนวดิ่งอยู่แบบนี้ก็ลำบาก คนที่อยู่ในระบบก็ลำบาก เพราะว่าอาจจะขัดใจผู้มีอำนาจ ดังนั้นการใช้อำนาจเป็นเรื่องปกติที่ทำได้แต่ต้องบวกคุณธรรมเข้าไปด้วยจึงจะทำให้ระบบเดินต่อไปได้ สธ.วันนี้เริ่มมืดมน จากคำสั่งที่ไม่ชัดเจนกับคำสั่งที่เราเข้าใจได้ว่ามันมีเงื่อนงำ เราถือตะเกียงมา เผื่อสธ.จะสว่างไสว ถ้าคนในระบบไม่ได้รับความเป็นธรรมพี่น้องประชาชนจะอยู่ได้อย่างไร หากมีผู้นำที่ไม่มีธรรมาภิบาลหลงเหลืออยู่แล้ว เราจะอยู่ร่วมกันอย่างไร จะอยู่ด้วยกันแบบไหน จะลดความเหลื่อมล้ำได้อย่างไร แล้วจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ต่อไปได้อย่างไร
นายอภิวัฒน์ กล่าวต่อว่า จะเห็นได้ว่า นพ.สุภัทรมีบทบาทสำคัญมากในการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างจากท่านรัฐมนตรี เช่น รมว.สธ.ฟังแต่ที่ปรึกษาด้านกฎหมายเรื่องงานส่งเสริมป้องกันโรคที่จะดูแลเฉพาะคนที่อยู่ในระบบบัตรทองเท่านั้น ส่วนประกันสังคม ข้าราชการจะไม่ได้รับการดูแลส่งเสริมป้องกันโรค ซึ่งแพทยชนบทไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ ประเด็นที่ 2 ที่คิดว่าเป็นเงื่อนไขออกคำสั่งย้าย คือนพ.สุภัทรไม่เห็นด้วยกับเรื่องกัญชาเสรี ที่อาจจะขัดใจผู้บังคับนโยบายหรือไม่ รวมถึงเรื่องอื่นๆ ดังนั้นมีเงื่อนงำหลายประเด็นที่รัฐมนตรีไม่ออกมาพูด แต่ปัดไปให้ปลัดสธ. ปัดไปให้ระบบราชการ ยิ่งทำให้อดสงสัยไม่ได้ ทั้งนี้ยืนยันว่าการย้ายข้าราชการนั้นทำได้ ตามปกติแต่ต้องเป็นธรรมและมีธรรมาภิบาล ตรวจสอบได้ ดังนั้นขอให้ยกเลิกคำสั่งนี้ไปเลย ไม่ต้องยกเหตุผลนั้น เหตุผลนี้ เพราะเรามองว่าไม่ใช่เหตุผล นั่นเป็นเรื่องปลายทาง หากยังอยู่แบบนี้การเลือกตั้งครั้งหน้าคงมีผล เราในฐานะประชาชน ท่านเป็นรมว.สธ. มีบทบาทสำคัญในการปกป้องประชาชน การทำแบบนี้ท่านคิดว่าจะเป็นบวกหรือลบกับพรรคการเมืองของท่าน เราจะติดตาม ประเมินท่าทีสธ. ต่อไป ที่สธ.พูดมาเป็นแค่คำอ้าง แต่เราอยากฟังเหตุผล 1, 2, 3 แค่นี้
“การชี้แจงว่าให้ไปพัฒนาพื้นที่อื่นนั้นเป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องจำเป็น แต่คนถูกย้ายตอนนี้อยากย้ายหรือไม่ ไม่ต้องมาพูดคำว่าคนดีอยู่ที่ไหนก็ดี มันน่าเบื่อ สังคมดี คนดีไม่มีอยู่จริง มันปลอม คนดีคือคนที่รับความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลายเคารพสิทธิความเห็นที่แตกต่างออกไป” นายอภิวัฒน์ กล่าว และว่า การย้ายส่งผลกระทบกับคนในพื้นที่ เพราะนำมาสู่การเลือกปฏิบัติ เกิดระบบอุปถัมป์ ไม่มีความยั่งยืน ระบบแบบนี้ไม่ส่งผลดีกับคนที่ตั้งใจทำงาน ประชาชนเดือดร้อนจะต้องไปใช้บริการที่รพ. ที่คุณภาพชีวิตตผุ้ให้บริการแย่มาก มากรู้สึกไม่มีพลังในการทำงาน คำถามคือจะเอาพลังจากไหนมาให้บริการประชาชนจะเอาพลังจากไหนมาพัฒนาระบบบริการให้มีคุณภาพ ส่วนการย้ายคนอื่นๆ ก่อนหน้านี้ เขาอาจจะไม่ได้ออกมาพูด ได้แต่ก้มหน้ายอมรับ
เมื่อถามว่า สังคมมีการมองว่าเครือข่ายมีความเป็นเนื้อเดียวกันกับชมรมแพทย์ชนบทมาตลอด และที่ผ่านมามีการขับเคลื่อนประเด็นการเมือง นายอภิวัฒน์ กล่าวว่า คิดว่าเราไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกัน แต่เราทำงานด้วยกัน สะท้อนปัญหาด้วยกัน เช่น โควิด ทะเลาะกันทุกวัน แต่เป้าหมายไม่เคยเปลี่ยนแปลง เรื่องความเห็นแตกต่างเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้เป็นเพราะเราใกล้ชิดกันแล้วเราไม่สน เราไม่ใช่แบบนั้น อันไหนไม่ถูกก็บอกว่าไม่ถูก ประชาชนไม่มีอะไรซ่อนเร้น ส่วนความคิดทางการเมืองเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แตกต่าง หลากหลาย จะประชาธิปไตย หรืออนุรักษ์นิยมไม่เป็นปัญหาหากกติกาเป็นธรรม ส่วนที่มีการแฉเรื่องการจัดซื้อ ATK ว่าชมรมแพทย์ชนอาจจะเกี่ยวข้องกับการล็อคสเปคเสียเองนั้น เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ ขออย่าเอามาโยงตรงนี้ ถ้าเอาหลายเรื่องมาปนจะทำให้กระบวนการตั้งคำถามมีความสำคัญว่าชอบธรรมหรือไม่ มีธรรมาภิบาลหรือไม่ หากมีก็ไม่มีประเด็น