ผบช.น.เผยกำลังอยู่ในขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐานปมลูกน้องรีดเงินดาราสาวไต้หวัน และยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าลูกน้องรีดเงินจริง ท้า “ชูวิทย์” ว่าหากมีหลักฐานก็ให้เอาออกมา
เมื่อวันที่ 30 ม.ค.66 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 ร่วมแถลงข่าว กรณีกลุ่มดาราสาวสาวไต้หวันถูกรีดเงิน 27,000 บาท ขณะถูกเรียกตรวจที่จุดสกัดบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตจีนพื้นที่ สน.ห้วยขวาง โดยทางตำรวจที่ตั้งด่านสกัดในวันนั้นมีการเรียกรับผลประโยชน์เป็นเงินสดจำนวน 27,000 บาท เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีกรณีครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า
โดยพล.ต.ท.ธิติ กล่าวว่า ในขณะนี้การรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้นข้อเท็จจริงปรากฏว่า มีการตั้งจุดตรวจบริเวณหน้าสถานทูตจีนจริง และปรากฏภาพนักท่องเที่ยวมีการครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากต่างประเทศและไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากรซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 242, 246 แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งพบเห็นวัตถุดังกล่าวที่มีลักษณะเป็นบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ตรวจยึดเป็นของกลางเพื่อส่งตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ให้นักท่องเที่ยวที่ครอบครองออกเดินทางจากจุดตรวจดังกล่าวไปเพราะวัตถุต้องสงสัย ซึ่งกรณีนี้เบื้องต้นเข้าข่าย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ซึ่ง บช.น. ได้ตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว ให้ดำเนินการทั้งวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาดแล้ว ส่วนประเด็นการเรียกรับเงิน 27,000 บาท ยังไม่มีการยุติการสืบสวนหรือสืบค้นหาพยานหลักฐานแต่อย่างใด
“ผมไม่เคยบอกว่าตำรวจไม่ได้เรียกรับเงิน เพราะจนถึงขณะนี้ผลการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานที่ได้ขณะนี้ ยังไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าตำรวจเหล่านี้เรียกรับเงิน และจากการสอบปากคำตำรวจทั้งหมด ที่อยู่หน้าด่าน 6 นาย ในครั้งแรก ปฏิเสธไม่ได้เรียกรับเงิน ตามที่ถูกกล่าวหา ซึ่งก็ยังไม่ได้เชื่อในคำให้การดังกล่าว ยังคงให้ฝ่ายสืบสวนกองบังคับการสืบสวนนครบาลลงพื้นที่รวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม พร้อมสั่งให้เร่งประสานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งดาราสาวไต้หวัน และเพื่อนชายอีก 3 คน เพื่อสอบปากคำ โดยขณะนี้ได้ติดต่อผ่านไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ หากทางฝั่งดาราสาวไต้หวัน และเพื่อนชายไม่สะดวกเดินทางมาไทย ทางตำรวจก็พร้อมจะเดินทางไปหา”พล.ต.ท.ธิติ กล่าว
พล.ต.ท.ธิติ กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่นายชูวิทย์ ออกมาโพสต์กล่าวหา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มีคำสั่งให้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 และผกก.สน.ห้วยขวาง ลบคลิปหน้าสถานทูตจีน และกล้องบอดี้คาเมร่า ซึ่งเป็นกล้องติดตัวตำรวจทิ้ง ยืนยันไม่เป็นความจริง ไม่เคยมีความคิดในเรื่องดังกล่าว เพราะไม่มีใครจะมากระทำผิดกฎหมาย อีกทั้งกล้องหน้าสถานทูตจีน ไฟล์ต้นฉบับอยู่ที่ กทม. ไม่ใช่กล้องตำรวจ พร้อมฝากถึงนายชูวิทย์ว่า หากมีหลักฐานก็ให้เอาออกมายินดีรับ รวมถึงบุคคลอื่นๆ หากมีคลิปก็ให้นำออกมา พร้อมรวบรวมเข้าสู่สำนวน ส่วนตนและผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ไม่เคยมีความคิดลบคลิป หรือช่วยเหลือลูกน้องที่ทำตัวไม่ดี หากมีความคิดดังกล่าว วันนี้ตำรวจทั้ง 6 นาย คงไม่โดน 157 พร้อมขอโทษประชาชน ในฐานะข้าราชการตำรวจ และเป็นผู้บังคับบัญชาของตำรวจทั้ง 6 นาย กระทบความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชน จนทำให้เกิดกระแสวิจารณ์จนถึงขนาดนี้ อย่างไรก็ตามตนจะไม่ขอตอบโต้ ในประเด็นส่วนตัว ก่อให้เกิดความขัดแย้ง เพราะไม่ได้เกิดต่อประโยชน์สังคม และสังคมไม่ได้อยากรับรู้ในเรื่องดังกล่าว