สถาบันบำราศฯ ซักซ้อมแผนฉีดวัคซีนโควิด 8 ขั้นตอน รวม 37 นาที พร้อมระบบติดเข้มข้นผ่านไลน์ “หมอพร้อม” เป็นต้นแบบรพ.ทั่วประเทศ
เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ภายหลังการตรวจเยี่ยมการเตรียมระบบให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ในโรงพยาบาล ของสถาบันบำราศนราดูร นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2016 เปิดเผยว่า จากการติดตามการซักซ้อมแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 พบว่าระบบที่จัดไว้มี 8 ขั้นตอน เป็นลำดับใช้เวลารวม 37 นาที ซึ่งสามารถเป็นต้นแบบให้กับโรงพยาบาลอื่นๆ นำไปปรับใช้ได้ โดยก่อนเข้ารับบริการจะมีการคัดกรอง วัดไข้ ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจล และจัดให้เว้นระยะห่างทุกขั้นตอน
ทั้งนี้บริการตั้งแต่จุดที่ 1 คือลงทะเบียน โดยใช้เครื่อง KIOSK ลดการสัมผัส, จุดที่ 2 ชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิต จุดที่ 3 คัดกรอง ซักประวัติ, จุดที่ 4 รอฉีดวัคซีน จุดที่ 5 รับการฉีดวัคซีน ใช้เวลาเพียง 5-7 นาที จากนั้นจุดที่ 6 ให้นั่งพักรอสังเกตอาการจนครบ 30 นาที มีการจัดห้องปฐมพยาบาล แพทย์/ วิสัญญีพยาบาล และอุปกรณ์ช่วยชีวิตพร้อมดูแล และทุกรายต้องสแกน Line official account “หมอพร้อม” เพื่อใช้ติดตามอาการหลังการฉีดวัคซีน 1 วัน 7 วัน และ 30 วัน จากนั้นจะแจ้งเตือนรับวัคซีนเข็มที่ 2
จุดที่ 7 ก่อนกลับบ้าน พยาบาลจะตรวจสอบเวลาว่าครบ 30 นาที สอบถามอาการ และให้คำแนะนำ พร้อมแจกเอกสารให้ความรู้ และ จุดที่ 8 มี Dash Board จาก Line OA “หมอพร้อม” แสดงการประเมินผลความครอบคลุมการฉีดวัคซีน และอาการไม่พึงประสงค์ของวัคซีนแต่ละชนิด ทั้งนี้ เมื่อได้รับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ครบ 2 เข็ม จะได้รับใบยืนยันการฉีดวัคซีนโควิด 19 ทาง Line OA “หมอพร้อม” อีกครั้ง
ด้าน นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวง ในฐานะประธานคณะทำงานด้านการให้บริการวัคซีน ฝึกอบรม และกำกับติดตามผล กล่าวว่า ระบบบริการฉีดวัคซีนโควิด 19 ของสถาบันบำราศนราดูร มีขั้นตอนที่ครบถ้วน จะนำไปเป็นต้นแบบให้กับโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งที่ผ่านมา โรงพยาบาลต่าง ๆ มีการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้ประชาชนทุกปีอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม วัคซีนโควิด 19 ที่จะมีการฉีดในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการให้บริการวัคซีนในกลุ่มเป้าหมายที่มีจำนวนมากที่สุด จึงต้องมีการจัดขั้นตอนที่มากกว่าการฉีดวัคซีนอื่นๆ และเป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อให้ประชาชนมั่นใจและมีความปลอดภัยมากที่สุด โดยโรงพยาบาลสามารถปรับใช้ให้เหมาะสมกับสถานที่แต่ละแห่ง ตามบริบทของพื้นที่