ผบช.น.ยันแก๊สน้ำตาในม็อบคนตีหม้อไม่ใช่ของจนท. เผยกำลังพิจารณาขนอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนมาใช้อย่างจริงจัง หลังจากที่เจ้าหน้าที่บาดเจ็บและทรัพย์สินราชการเสียหายจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) แถลงผลการชุมนุมของกลุ่มราษฎร ที่หอศิลป์ แยกปทุมวัน ก่อนเคลื่อนย้ายไปปิดล้ม สน.ปทุมวัน เพื่อกดดันให้ปล่อยตัวมวลชนที่ถูกจับเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า จากการสำรวจพบว่ามีทรัพย์สินทางราชการเสียหายหลายรายการ ได้แก่ รถยนต์ รวม 8 คัน ประกอบด้วย สน.ปทุมวัน 4 คัน พื้นที่อื่น อีก 4 คัน และรถจักรยานยนต์ สน.ปทุมวัน 1 คัน และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บรวม 7 นาย จากการถูกปาสิ่งของและระเบิดปิงปอง นอกจากนี้ยังมีสื่อมวลชนและประชาชนได้รับผลกระทบจากแก๊สน้ำตาอีก
นอกจากนี้ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ ยังกล่าวถึงการใช้แก๊สน้ำตาว่า ตามขั้นตอนการปฏิบัติจะมีการแจ้งเตือนก่อนใช้ให้ผู้ชุมนุมทราบ จากนั้นจะมีการปรับรูปขบวน เพื่อให้ได้รับผลกระทบจากแก๊สน้ำตาน้อยที่สุด แต่เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้มีการประกาศเตือน ปรับรูปขบวน หรือใส่หน้ากากป้องกัน อีกทั้งยังไม่ได้มีการนำแก๊สน้ำตาออกมาใช้ จึงเชื่อได้ว่าแก๊สน้ำตาที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากฝั่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนจะเป็นบุคคลใดที่ใช้อยู่ระหว่างการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า การชุมนุมเมื่อวานนี้ ผู้ชุมนุมมีการกระทำความผิดเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายหลายข้อหา อาทิ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ควบคุมโรค ทำร้ายเจ้าพนักงาน ขัดขวางการทำงานเจ้าที่ และความผิดตาม พ.ร.บ.ความสะอาด ส่วนข้อหาอื่นๆยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าจะเข้าข่ายความผิดในข้อหาอะไรอีกบ้าง
สำหรับภาพระเบิดควันที่ปรากฏในโลกโซเชียลยอมรับว่า มีการใช้ภายในราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจริง แต่ในช่วงการชุมนุมหลายครั้งที่ผ่านมามีทรัพย์สินทางราชการสูญหาย ถูกรื้อค้น หนึ่งในนั้นคือระเบิดควันที่ปรากฏในภาพ ส่วนจะมาจากหน่วยใดอยู่ระหว่างการตรวจสอบหมายเลขที่ปรากฏบนวัตถุพยาน และจะต้องตรวจสอบลายนิ้วมือ รวมถึงหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์
ผบช.น.เผยต่อว่า ส่วนกรณีลูกบอลประทัดแรงดันต่ำ ที่หน้าสถานทูตเมียนมา 2 ลูก ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์ทราบตัวบุคคลว่าผู้ที่ใช้วัตถุระเบิดดังกล่าวเป็นใคร แต่ยืนยันว่าเป็นบุคคลที่อยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างแน่นอน ทั้งนี้จากการสืบสวนสอบสวนมีความคืบหน้าไปมาก คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานจะสามารถออกหมายเรียกหรือหมายจับผู้ต้องสงสัยมาดำเนินคดีได้
ทั้งนี้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายครั้งที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บการชุมนุมหลายนาย จึงเตรียมพิจารณานำอุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมฝูงชนมาใช้เต็มรูปแบบ โดยจะพิจารณาใช้ตามสถานการณ์การชุมนุมที่เกิดขึ้น อาทิ ปืนตาข่าย กระสุนยาง แต่อุปกรณ์ทั้งหมดนี้จะเลือกนำมาใช้เป็นมาตรการสุดท้าย ส่วนการชุมนุมในอภิปรายนอกรัฐสภาในวันที่ 16 – 19 ก.พ.นี้ จากการข่าวยังไม่พบว่าจะมีการใชความรุนแรงหรือจะมีการชุมนุมขนาดใหญ่เกิดขึ้น