รัฐบาล เตือนผู้ปกครองเฝ้าระวังอุบัติเหตุเด็กจมน้ำช่วงปิดเทอมฤดูร้อน หลังพบสถิติช่วง 3 เดือนแรกปี 66 เสียชีวิตแล้ว 10 ราย
เมื่อวันที่ 25 มี.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรมควบคุมโรคคาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสพบการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุการตกน้ำ จมน้ำ ในกลุ่มเด็กอายุน้อยกว่า 15 ปีมากขึ้น ประกอบกับระยะนี้เป็นช่วงที่เด็กปิดเทอมและอากาศร้อน เด็กอาจลงเล่นน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติหรือแหล่งน้ำที่ใช้ในเกษตรกรรมบริเวณใกล้เคียง รวมถึงแหล่งน้ำที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว เช่น ทะเล น้ำตก สวนน้ำ ก็เป็นที่นิยมในช่วงฤดูร้อน อาจมีความเสี่ยงเหตุการณ์เด็กตกน้ำหรือจมน้ำเพิ่มขึ้นได้
นายอนุชา กล่าวต่อว่า รัฐบาลจึงขอเน้นย้ำการป้องกันการเสียชีวิตจากการจมน้ำ ที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เช่น ผู้ปกครองควรดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด ไม่ให้เด็กไปเล่นน้ำกันตามลำพัง รวมถึงเน้นย้ำโรงเรียนให้ความรู้เรื่องดังกล่าวกับนักเรียนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ แหล่งน้ำต่างๆ ที่จัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ต้องมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล มีเสื้อชูชีพให้สวมใส่ทุกครั้งที่เดินทางหรือทำกิจกรรมทางน้ำ กำหนดพื้นที่เล่นน้ำที่ปลอดภัย มีอุปกรณ์ช่วยชีวิต เข้าถึงได้ง่าย ติดป้ายแจ้งเตือน และป้ายบอกความลึกของน้ำ รวมทั้งต้องมีเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอต่อผู้รับบริการ มีอุปกรณ์ช่วยชีวิต ป้ายบอกกฎระเบียบความปลอดภัยทางน้ำ
นายอนุชา กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่า ระหว่างปี 2555 – 2564 มีเด็กจมน้ำเสียชีวิต รวม 7,374 คน หรือ เฉลี่ยวันละ 2 คน คิดเป็นอัตราอัตราเสียชีวิต 5.0 – 8.6 ต่อประชากรแสนคน และในปี 2566 ข้อมูลจากโปรแกรมตรวจสอบข่าวการระบาด ระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-16 มี.ค. 2566 พบการรายงานเหตุการณ์จมน้ำเสียชีวิต จำนวน 4 เหตุการณ์ เดือนม.ค. มี 3 เหตุการณ์ ที่จังหวัดสงขลา นราธิวาส และกระบี่ พบผู้จมน้ำเสียชีวิต 2 ราย/1 ราย/2 ราย ล่าสุดเหตุการณ์ที่ 4 จังหวัดอุบลราชธานี พบจมน้ำเสียชีวิตจำนวน 5 ราย เกิดเหตุแพข้ามฟากแม่น้ำมูลล่ม เนื่องจากมีผู้โดยสารจำนวนมากทำให้แพรับน้ำหนักไม่ไหว