”ที่ปรึกษาสมาคมอุทยานแห่งชาติ’’เปิดเส้นทางชาวกระเหรี่ยงบ้านบางกลอยล่าง บุกรุกป่าบางกลอยบน ถางป่าต้นน้ำแม่น้ำเพชรบุรี เกือบ100ไร่ จี้ชาวบางกลอยหยุดถางป่า หันหน้ามาเจรจา เข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สัญชาติจัดสรรที่ทำกินใหม่ อย่าอ้างเรื่องในอดีต
นางวัฒนา วชิโรดม ที่ปรึกษาสมาคมอุทยานแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ในรายการ”กวนข่าว กวนคน”ทางสถานีวิทยุFM102.5 MHz กองทัพอากาศ ถึงกรณีความขัดแย้งระหว่างอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กับชาวกระเหรี่ยงบ้านบางกลอย จะย้ายกลับขึ้นไปทำกินตั้งชุมชนที่บริเวณป่าต้นน้ำแม่น้ำเพชรบุรี หรือเรียกว่า บางกลอยบน ใกล้กับบริเวณใจแผ่นดิน ว่า ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ บินไปดูสภาพป่าบางกลอยบน บินขึ้นจากฐานบ้านโปร่งลึก เข้าไปบริเวณใจแผ่นดิน ตลอดระยะทางประมาณ10นาที พบว่ามีเทือกเขาสลับซับซ้อน สูงชันตลอดทาง สภาพป่าอุดมสมบูรณ์มาก ไปลงที่ฐานปฏิบัติการใจแผ่นดิน อยู่แนวชายแดน มีทหารไทยตั้งฐานอยู่ตรงชายแดน บริเวณใจแผ่นดิน อยู่ห่างชายแดนไทย พม่า ประมาณ 5กม.ซึ่งพื้นที่ป่าอุมดสมบูรณ์มาก ไม่มีการเปิดพื้นที่ ระหว่างคุยกับทหารอยู่ประจำอยู่ที่ฐานได้ยินเสียงชะนีร้อง เห็นนก ทางเจ้าหน้าที่บอกมีนก สวยแปลกมาก ไม่เห็นจากที่อื่น
“บริเวณใจแผ่นดิน กับพื้นที่กระเหรี่ยงเข้าไปอยู่ ตรงบริเวณบางกลอยบน คนละที่กับใจแผ่นดิน บินกลับมาอีกประมาณ 5 นาที เป็นสภาพป่าภูเขาสลับซับซ้อน แต่เห็นมีการบุกรุกป่า เปิดพื้นที่ เป็นแปลงๆเข้าไปถางใหม่ ๆเมื่อไม่กี่วัน เกือบ 10 แปลง ที่พบล่าสุด พบแปลงที่เพิ่งเผาใหม่ จากนั้นถัดไปเป็นต้นน้ำแม่น้ำเพชรบุรี เห็นปลูกเป็นเพิงอยู่ริมห้วย มีแพไม้ไผ่ พวกเกรียงเขาใช้เวลาลงมา ร่องแพลงมาบ้านบางกลอยล่าง เป็นเส้นทางแม่น้ำเพชรบุรี ดิฉันมีแผนที่ ภาพถ่าย อัดคลิปไว้ตลอดอยู่บนฮอ”นางวัฒนา กล่าว
ที่ปรึกษาสมาคมอุทยานแห่งชาติ กล่าวว่าในอดีตพื้นที่ตรงนั้น เมื่อปี2535 มียุทธการบางกลอย ซึ่งตอนนั้น ตำรวจ ทหาร ฝ่ายความมั่นคง ไปเจอฐานที่มั่น เป็นบ้านหลักใหญ่ หลังเล็ก มีบังเกอร์อยู่ตรงนั้น ก็เกิดยุทธการบางกลอย ตชด.ส่งกำลังพล 9 คนขึ้นไปถูกไล่ล่า เสียชีวิต5คน ถูกไล่ล่า 35วัน มีคลิป มีเรื่องเล่า “ในนรกบางกลอย”หนีไล่ลากองกำลัง สมัยนั้นไม่ทราบฝ่าย แต่เราเพิ่งมาได้ข้อมูลเร็วๆนี้ จากเฟสบุ๊ก จ.ปทุมธานี ว่าเป็นสหกองกำลัง เป็นที่ตั้งกองทัพปลดแอก และเจรจา ให้คนเกรี่ยงบริเวณนั้น เคลื่อนย้ายบ้านลงมา51ครอบครัว เป็นกระเหรี่ยงพูดไทยไม่ได้ ยังไม่มีสัญชาติไทย มาไว้บ้านบางกลอยล่าง โปร่งลึก
ซึ่งอยู่คนละฝั่งแม่น้ำเพชรบุรี มีการพัฒนาคุณภาพชีวิต ตั้งแต่ปี2539 จัดสรรสาธารณูปโภค จัดสรรที่ดินให้คน7ไร่ สำหรับปลูกบ้าน3งาน ตอนนี้ขยายกลายเป็น180กว่าครอบครัว น่าจะเป็นรุ่นลูก หรืออพยพเข้ามาและเขาบอกว่าตอนนี้ไม่มีที่ทำกิน ส่วนหนึ่งเข้าไปทำงานในเมืองเจอโควิด กลับเข้ามา และอยากกลับขึ้นไปบางกลอยบน
“ขณะนี้สภาพเป็นป่าอุดมสมบูรณ์มาก เพราะอพพยมา 25 ปีแล้ว ยกเว้นแปลงที่เพิ่งเข้าไปถาง ไม่มีสาธารณูปโภคอะไร เป็นแปลงไปปลูก ข้าว พริก เจ้าหน้าที่อุทยาน เข้าไปทำพิกัด ดำเนินการตามกฏหมาย ให้เขาลงมาคนไหนขาดแคลนที่ทำกิน พิสูจน์ว่าเป็นคนไทย จะจัดสรรที่ดินให้ ทุกคนต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ เหตุผลสมควรไหม เพราะบางคนเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ ยังพูดไทยไม่ได้ไม่มีบัตร”นางวัฒนา กล่าว
นางวัฒนา กล่าวว่าพวกม็อบบ้านบางกลอยที่ชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อกดดันให้รัฐบาล เซ็นเอ็มโอยู ตามข้อตกลงเรียกร้อง 6ข้อ จึงได้ตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาชุมขนบางกลอย มีคณะทำงาน5ฝ่าย ภาคราชการต่างๆ ซึ่งการตั้งคณะทำงานมาเพื่อรวบรวมหาข้อเท็จจริง ว่าคนจะกลับขึ้นไป แต่ผิดกฏหมาย ก็ต้องช่วยกันแก้ปัญหาให้พี่น้องชาวบางกลอย ระหว่างนี้ต้องให้หยุดถางป่า ไม่ใช่จะเข้าไปถางป่าได้ มันผิดกฏหมาย ขอให้หยุดถางป่าไว้ก่อน คนที่ขึ้นไปต้องลงมา เข้าสู่การเจรจาอย่าใช้เรื่องในอดีต มาบุกป่าไปเรื่อยๆจนตอนนี้ป่าถูกถางเพิ่มขึ้นรวม100 กว่าไร่ จากช่วงวันที่ 20 ม.ค.ถึงเดือน ก.พ.
“ดิฉันทำงานในเรื่องชนกลุ่มน้อย ปิง วัง ยม น่าน สำหรับ ชาวม้ง ด้านจ.เชียงใหม่ ทำพื้นที่ปลูกกระหล่ำปลี สตอเบอรี่ ไม้ดอก ไม้ผลเมืองหนาว อยู่เป็นที่เป็นทางถาวรแต่กรณีข้าวโพด ยังเผาซากข้าวโพดอยู่ แต่ชาวกระเหรี่ยง บ้านบางกลอย ยังอ้างว่าทำเป็นไร่หมุนเวียน หรือไร่เลื่อนลอย ซึ่งเขาจะทำเป็นครอบครัวๆละ 7 แปลง อยู่ป่าต้นน้ำชั้นหนึ่ง จะสร้างผลกระทบระบบนิเวศ ฝนไม่ตก เกิดภัยแล้ง เวลาฝนตกเกิดน้ำป่าไหลหลาก เป็นภัยพิบัติกระทบวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ” นางวัฒนา กล่าว