“ศรีสุวรรณ” บุกสอบสวนกลางแจ้งจับขบวนการจัดทำประชามติแบ่งแยกดินแดนปาตานี ชี้เข้าข่ายละเมิดหลักกฏหมาย ขัดรัฐธรรมนูญ
เมื่อวันที่ มิ.ย.66 นายศรีสุวรรณ จรรยา ในฐานะประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดิน ได้เดินทางมายังกองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) เพื่อขอร้องทุกกล่าวโทษผู้ที่มีพฤติการณ์หรือกระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ กรณีที่มีการจัดเสวนาเปิดตัวองค์กรขบวนนักศึกษาแห่งชาติ (Pelajar Kebangsaan Patani) โดยกลุ่มเครือข่าย PerMAS เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.66 ที่ มอ.ปัตตานี ที่ผ่านมา โดยมีตัวแทนและผู้บริหารพรรคการเมืองที่กำลังจัดตั้งรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ รวมทั้งนักวิชาการ กลุ่มประชาสังคมเข้าร่วมงานด้วย
ทั้งนี้ภายในงาน ปรากฎโดยชัดแจ้งว่ามีการทำแบบสำรวจความคิดเห็นอย่างง่าย ระบุข้อความว่า “คุณเห็นด้วยกับ สิทธิในการกำหนดชะตากรรมตนเองหรือไม่ ที่จะให้ประชาชนปาตานีสามารถออกเสียงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชได้อย่างถูกกฎหมาย” และมีช่องให้ใส่เครื่องหมาย ทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย โดยในเอกสารที่ทำคล้ายๆ บัตรลงคะแนน หรือบัตรลงประชามติ มีหมายเหตุตอนท้ายว่า ใช้กับชาวปาตานีผู้ที่ลงทะเบียนว่า “อาศัยอยู่ถาวรในพื้นที่ปาตานี หรือ จ.นราธิวาส จ.ปัตตานี จ.ยะลา และ จ.สงขลา เฉพาะ อ.จะนะ อ.นาทวี อ.เทพา และ อ.สะบ้าย้อย”
พฤติการณ์หรือการกระทำดังกล่าวของขบวนนักศึกษาแห่งชาติ และผู้ที่เกี่ยวข้อง อาจเข้าข่ายการละเมิดต่อหลักกฏหมายและบูรณภาพแห่งดินแดนที่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 มาตรา 1 ที่บัญญัติไว้ว่า “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้” ซึ่งความผิดตามรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดโทษสำหรับบุคคลธรรมดา แต่มีบทลงโทษสำหรับพรรคการเมือง ที่จะถูกยุบพรรคและตัดสิทธิกรรมการบริหารได้ หากพิสูจน์ได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว
ส่วนบุคคลธรรมดาจะได้รับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา เพราะเป็นความผิดฐานกบฏ ตามมาตรา 113 ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ (3) แบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต และมาตรา 116 ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต (2) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร (3) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี
กรณีดังกล่าวหากพวกเราละเลยเพิกเฉยจะกลายเป็นภัยที่ใหญ่หลวงของแผ่นดิน สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ไม่อาจทนนิ่งเฉยต่อไปได้ จึงได้นำความพร้อมพยานหลักฐานต่างๆ รวมทั้งคลิปวิดีโอในงานดังกล่าว มามอบให้ผู้บัญชาการสอบสวนกลางเพื่อใช้ประกอบในการสอบสวนเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด