วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWS“สภาผู้บริโภค”เฮ!“ดีอี”สั่งตั้งศูนย์ One Stop Service ช่วยเหลือเหยื่อคอลเซนเตอร์
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“สภาผู้บริโภค”เฮ!“ดีอี”สั่งตั้งศูนย์ One Stop Service ช่วยเหลือเหยื่อคอลเซนเตอร์

สภาผู้บริโภค เฮ !! หลังรมว.ดีอี สั่งตั้งศูนย์ One Stop Service เปิดสาย 1441 รับแจ้งเหตุ เร่งช่วยเหลือเหยื่อคอลเซนเตอร์หลอกดูดเงิน ลดความเสียหาย สกัดโจรกระจายโอนต่อบัญชีม้า ได้ทันควัน

สภาผู้บริโภค ขอบคุณนายประเสริฐ​​​​​​​​​​​​ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ รมว.ดีอี ที่สั่งการให้มีการจัดตั้งศูนย์ Anti Online Scam Operation Center (AOC) หรือศูนย์ต่อต้านอาชญากรรมออนไลน์ เป็น One Stop Service เพื่อรับแจ้งเหตุแก๊งค์คอลเซนเตอร์ ล่อลวง หลอกให้ประชาชนโอนเงินหรือดูดเงินออกจากบัญชีธนาคาร พร้อมเปิดสายด่วน 1441 เพียงหมายเลขเดียว ให้ผู้เสียหายโทรศัพท์เข้าแจ้งเหตุ

เพื่อลดขั้นตอนและเร่งติดตามสกัดการยักย้ายถ่ายโอนเงินไปยังบัญชีอื่น หรือ บัญชีม้าเป็นทอด ๆ ทันทีที่ได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอที่ สภาผู้บริโภค ได้เสนอแนวทางดังกล่าวต่อธนาคารแห่งประเทศไทยไปก่อนหน้านี้พร้อมกับมาตราการอื่น เพื่อใช้อำนาจตามพระราชกำหนดมาตราการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566จัดการกับปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ โอนและอายัดเงินเหยื่อไปยังบัญชีอื่น ๆ แต่ยังไม่มีการตอบรับที่ชัดเจน


การสั่งตั้งศูนย์ One Stop Service และหมายเลขแจ้งเหตุ 1441 ดังกล่าวของ รมว.ดีอี ที่มีขึ้นหลังสภาผู้บริโภค ร่วมให้ข้อมูลสิทธิของประชาชนเมื่อถูกคุกคามจากภัยไซเบอร์ ในเวทีเสวนา ที่อาคารรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ก่อน แสดงให้เห็นว่ากระทรวงดีอี และนายประเสริฐ ไม่นิ่งนอนใจต่อปัญหาและความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับจากการก่ออาชญกรรมทางไซเบอร์ ที่เป็นภัยคุกคามความมั่นคงประเทศ และความไม่ปลอดภัยในทรัพย์สินของประชาชน และนับวันกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวได้พลิกแพลงกลวิธีเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อ กดลิ้งค์ โอนเงิน และดูดเงินประชาชน ซึ่งเป็นผู้บริโภคไป และกระจายไปยังบัญชีอื่นอย่างรวดเร็ว และยากต่อการช่วยเหลือติดตามเงินมาคืนให้แก่ผู้เสียหาย ซึ่งการมีสายด่วนเบอร์เดียว 1441 และศูนย์ One Stop Service นี้จะช่วยลดขั้นตอน หรือเสียเวลาไปกับการประสานติดต่อกับหน่วยงานต่างๆ ซึ่งต้องใช้เวลาและล่าช้าไม่ทันการปฏิบัติการของกลุ่มมิจฉาชีพที่จะโอนเงินของผู้เสียหายต่อไปเป็นทอด ๆ อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหากช่วยเหลือ หรือ อายัดบัญชีการเงินได้ ใน 1 ชั่วโมง

ตามที่ กระทรวงดีอี ตั้งเป้าไว้ เชื่อว่าจะช่วยระงับ ลดการสูญเงินและมีโอกาสติดตามเงินดังกล่าวคืนกลับแก่ผู้เสียหายได้มากขึ้น ตลอดจนจำนวนคดีก็จะค่อย ๆ ลดลงไปในที่สุด ซึ่งสภาผู้บริโภคจะติดตามและสนับสนุนการทำงานของศูนย์ One Stop Service ในการให้ความคุ้มครอง ช่วยเหลือ ดูแลประชาชนซึ่งเป็นผู้บริโภคอย่างจริงจังต่อไป เพราะปัจจุบันการหลอกลวงยังคงมีความรุนแรงและกลุ่มมิจฉาชีพยังพยายามพลิกแพลงรูปแบบการล่อลวง อยู่ตลอดเวลา

ขณะที่ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ สมาชิกวุฒิสภา ได้สนับสนุนแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวของสภาองค์กรผู้บริโภค ที่เห็นว่าการก่ออาชญากรรมไซเบอร์ ยังทวีความรุนแรง แม้จะมีพระราชกำหนดปราบปรามไซเบอร์เพื่อจัดการปัญหาแล้ว แต่รัฐบาลก็ควรเพิ่มมาตรการและกลไกที่มีประสิทธิภาพขึ้น ด้วยการตั้งศูนย์ป้องกันและแก้ไขเพื่อบูรณาการทุกฝ่ายภาคส่วน ร่วมศึกษาความก้าวหน้าที่มิจฉาชีพใช้ล่อลวง เพื่อนำไปกำหนดเป็นมาตรการล่วงหน้าป้องกัน พร้อมประสานธนาคารแห่งประเทศไทย สถาบันการเงิน ให้กำหนดมาตรการควบคุมความเสียหาย ป้องกันการเคลื่อนย้ายเงินออกนอกประเทศ​ การโอนไปในระบบที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ และเยียวยาติดตามเงินกลับคืนโดยเร็ว รวมถึง ต้องมีมาตรการป้องกันและดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ร่วมมือ สนับสนุน มิจฉาชีพก่อเหตุทันที

ล่าสุด เพื่อเร่งปราบปรามอย่างจริงจัง พลตำรวจเอก รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งส่ง 7 มือปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยี เข้าปฏิบัติหน้าที่ตามโครงสร้างศูนย์ปราบปรามอาชญากรรม ทางเทคโนโลยสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้ว โดยมือปราบทั้ง 7 นาย ต่างมีผลงานจับกุมและปราบปรามแก๊งค์คอลเซนเตอร์ ปราบปรามเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ บุหรี่ไฟฟ้ามาแล้ว ในปี 2566 นี้

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img