ปลัดก.แรงงานเผยสัปดาห์หน้า ชงครม. ขอ “งบกลาง” สำหรับจ่าย 5 หมื่นแรงงานในอิสราเอลกลับไทย แจงยอดเทียบเท่าเงินเดือน 1 เดือน หวังแรงงานมีทุนต่อยอดอาชีพในประเทศ
เมื่อวันที่ 1 พ.ย.66 นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.การคลัง กล่าวถึงมาตรการให้เงินจำนวน 50,000 บาท แก่แรงงานไทยที่เดินทางกลับประเทศ จากภาวะสงคราม ว่า ท่านนายกฯ บอกให้กระทรวงแรงงานสำเสนอของบประมาณกลางเพื่อช่วยเหลือแรงงานไทยที่อิสราเอล แล้วยินยอมกลับประเทศคนละ 50,000 บาท โดยในวิธีการนั้นเราต้องประสานกับสำนักงบประมาณก่อน ซึ่งได้แน่ 50,000 บาท ทุกคน ทั้งที่เดินทางกลับมาก่อนหน้านี้แล้ว และที่กำลังจะเดินทางกลับเข้ามา ซึ่งเท่าที่รับรายงานขณะนี้เดินทางกลับเข้าประเทศไทยรวมแล้ว กว่า 8,600 ราย โดยท่านนายกฯ มอบหมายให้เร่งดำเนินการโดยเร็วเพื่อนำเข้าครม.ต่อไป ซึ่งเราก็จะเร่งดำเนินการ คาดว่าจะสามารถส่งเข้าครม.ได้ในสัปดาห์หน้า
ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า เงินนี้จะให้กลับคนไทยทุกคนที่ไปทำงานที่อิสราเอล ทั้งที่เดินทางไปเอง หรือเดินทางไปผ่านระบบการจัดส่งแรงงานของทางภาครัฐ หากกลับประเทศไทยจะได้รับเงินนี้ทุกคน ส่วนคนที่ไม่กลับมาก็จะไม่ได้รับเงินนี้ เพราะเป็นข้อแม้ว่าจะต้องกลับประเทศไทยเท่นั้น และไม่ว่าจะกลับมากับรัฐ หรือกลับเข้ามาเอง ซึ่งถ้าซ้อตั๋วกลับเข้ามาเองก็ยังสามารถนำเอกสารมาเบิกค่าเครื่องบินได้อีกด้วย โดยติดต่อที่สำนักงานแรงงานจังหวัดของแรงงานได้เลย ซึ่งตอนนี้มีแบบฟอร์มทุกอย่าง สามารถยื่นเรื่องได้เลย ไม่เกิน 1 เดือน ได้รับเงินคืนแน่นอน
เมื่อถามว่า เมื่อรัฐบาลส่งสัญญาณมาแบบนี้ทำให้มีแรงงานแจ้งความประสงค์ขอกลับประเทศไทยเพิ่มขึ้นหรือไม่ นายไพโรจน์ กล่าวว่า ยอดที่เข้ามาแล้วคือ 8,600 คน แต่ก็ต้องรอดูตัวเลขวันนี้ (1 พ.ย.) อีกครั้ง เพราะสัญญาณเพิ่งออกมาเมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ต้องดูรายงานจากทางกระทรวงการต่างประเทศว่า สถานทูตไทยในอิสราเอลแจ้งเข้ามาว่าลงทะเบียนเพิ่มหรือไม่ คาดว่าช่วงบ่ายๆ น่าจะทราบตัวเลข
เมื่อาถามว่า ตอนนี้มีสังคมบางส่วนมองว่าการให้การช่วยเหลือจากภาครัฐพยายามทำอย่างเต็มที่ แต่แรงงานบางส่วนไม่ยอมกลับมาเอง ทำให้มองว่าการให้เงินเพิ่มส่วนนี้จะมากเกินไปหรือไม่ นายไพโรจน์ กล่าวว่า ทางรัฐบาลอยากให้คนไทยทุกคนมีความปลอดภัยในชีวิต จึงอยากให้กลับประเทศทั้งหมด ไม่อยากเสี่ยงกับภัยสงครามครั้งนี้ เงินเยียวยา 50,000 บาท นี้ก็เหมือนเป็นเงินเดือน 1 เดือน ของแรงงานที่ไป การให้ตรงนี้ก็เพื่อหวังว่า เขากลับเข้ามาแล้วจะมีเงินทุนสำหรับการประกอบอาชีพในประเทศไทยต่อไปได้ ซึ่งผมมองว่า ไม่ถือว่าเป็นการเอาเปรียบคนอื่น เพราะแรงงานก็อยู่ในสภาพที่ต้องกู้หนี้ยืมสินไป เรื่องความปลอดภัยในชีวิตของคนไทย หากเราเอาเงิน 50,000 บาท มาวัด มันวัดกันไม่ได้อยู่แล้ว แต่เป็นการเอาเขากลับเมืองไทยและมีเงินสำรองสำหรับประกอบอาชีพ เพื่อดูแลตัวเองและครอบครัวต่อไป.
