“ภูมิธรรม”นำทุกภาคส่วนร่วมประกาศเจตนารมณ์ “ต่อต้านการทุริต”

รองนายกฯ-ผู้บริหารองค์กรอิสระ ร่วมประกาศเจตนารมณ์ต้านการทุริต ฟื้นความมั่นใจไทยแก้ปัญหาสินบน โปรงใส ตรวจสอบได้

เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.66 ที่อิมแพค เมืองทองธานี สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้จัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) BREAK Corruptions ไม่ทำ ไม่ทน ไม่เฉย ร่วมไทยต้านโกง โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เป็นประธาน และมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. นายนิวัติไชย เลขาธิการป.ป.ช. นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พล.อ.ชนะทัพ อินทามระ ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน พร้อมด้วยข้าราชการหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนต่างๆ เข้าร่วมประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ปัญหาเรื้อรัง สะสมในไทยมานาน ทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง นำมาสู่การทำให้ประเทศขาดความเชื่อมั่นต่อนานาชาติ ทั้งนี้จากการศึกษาขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ให้ข้อเสนอแนะว่า ต้องให้ความสำคัญกับสิทธิเสรีภาพทางสังคม เพื่อเป็นพลังในการตรวจสอบการทุจริต ความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง และการใช้จ่ายงบประมาณ ตลอดจนการสร้างความเข้มแข็งและความเป็นอิสระให้หน่วยงานตรวจสอบ เพื่อให้มีการตรวจสอบ ถ่วงดุล รวมถึงให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาการทุจริตข้ามชาติ ทั้งเรื่อง ช่องว่างของกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มีความเข้มแข็ง เพื่อสามารถนำตัวผู้ทำผิดมาลงโทษได้อย่างรวดเร็ว แก้ปัญหาการเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่รัฐ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน เปลี่ยนทัศนคติสังคม ประชาชนให้มีความกล้าในการแจ้งเบาะแสการทุจริต

ถึงเวลาที่เราจะได้ฟื้นคืนความเชื่อมั่นในความโปร่งใสของการบริหารงานราชการทุกระดับ ย้ำว่า ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างสังคมที่ปราศจากการทุจริต ซึ่งที่ผ่านมามีการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ ผนึกกำลัง บูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายบริหาร และหน่วยงานตรวจสอบ เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบเชื่อโยงไปทุกมิติอย่างไร้รอยต่อ การขับเคลื่อนพ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการให้บริการประชาชน สร้างความโปร่งใสในการอนุมัติ อนุญาตต่างๆ ป้องกันทุจริตเรียกรับสินบน การแจ้งเบาะแส และสื่อสารการแก้ไขที่จริงจัง เป็นรูปธรรมของไทยไปให้ถึงกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการประเมินการรับรู้การทุจริต เพื่อให้นานาชาติเกิดความเชื่อมั่นใจ โดยเฉพาะทำให้นักลงทุนต่างชาติ เกิดความมั่นใจมาลงทุนในไทย

“นับจากนี้ทิศทางการขับเคลื่อนประเทศของรัฐบาล จะยึดหลักนิติธรรม เพื่อให้ปัญหาการทุจริตของไทยให้น้อยลง มีความโปรงใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้มากขึ้น ให้ความสำคัญกับสิทธิ เสรีภาพทางสังคม เพื่อเป็นพลังในการตรวจสอบทุจริต สร้างความโปร่งใสระบบจัดซื้อจัดจ้างและการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ เพื่อป้องกันการทุจริต และมีการเปิดเผยข้อมูลสู่ระบบดิจิตอลมากขึ้นเพื่อให้ประชาชนตรวจสอบด้วย มีการใช้เนคโนโลยีสารสนเทศมาใช้งานต่างๆ ทั้งการอนุมัติ อนุญาตลดการใช้ดุลพินิจของภาครัฐ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ลดการเรีบกรับสินบน ช่วยประชาชนไดรับการบริการากภาคัฐอย่างโปร่งใส รวดเร็ว เป็นธรรม” นายภูมิธรรม กล่าว.