“มท.1” ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานจุดตรวจช่วงเทศกาลปีใหม่ และตรวจติดตามการดำเนินนโยบายขยายเวลาสถานบริการย่านสีลม
วันที่ 29 ธ.ค.เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา บริเวณถนนสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย บูรณาการตรวจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และตรวจความเรียบร้อยสถานบันเทิง ในย่านสีลมภายหลังอนุญาตให้สถานบันเทิงสามารถเปิดได้ถึง 04.00 น. โดยมี พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย นางธราพร อำนวยสาร ผิ.เขตบางรักพ.ต.อ. รัฐธนนท์ เอกฐิติกุลพัทธ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลยานนาวา พ.ต.อ. ธรรมศักดิ์ สารบุญ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลบางรัก และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่
โดยจุดแรก นายอนุทิน และคณะ ลงพื้นที่ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมลงนามสมุดตรวจเยี่ยมจุดตรวจมาตรการความปลอดภัยทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ในพื้นที่สถานีตำรวจนครบาลยานนาวาซึ่งดำเนินการตั้งด่านโดยยึดหลักการตั้งด่านตรวจ/จุดตรวจตามหลักยุทธวิธี แบ่งพื้นที่ปฏิบัติการ 5 โซน ได้แก่ 1. พื้นที่เฝ้าระวังสังเกตรถต้องสงสัย 2. พื้นที่คัดกรอง 3. พื้นที่ตรวจค้น/กองอำนวยการ 4. พื้นที่คอยสกัดรถ 5. พื้นที่ควบคุมผู้กระทำผิด จากนั้น นายอนุทิน ลงพื้นที่ตรวจสถานบันเทิงย่านสีลม โดยระหว่างตรวจเยี่ยมได้พบปะกับผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยว ตลอดจนพ่อค้า แม่ค้า ที่ตั้งอยู่ตามแนวเส้นทางตรวจเยี่ยม
จากนั้น นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ว่า ในการลงพื้นที่ร่วมกับ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐพันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และฝ่ายปกครอง ตลอดจนกรุงเทพมหานครในวันนี้ เป็นการให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด่านตรวจ/จุดตรวจเพื่อดูแลความปลอดภัยในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2567 รวมทั้งตรวจติดตามการปฏิบัติตามนโยบายขยายเวลาให้บริการสถานบริการ เพื่อให้ความมั่นใจว่าการสัญจรของพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่2567 เป็นไปด้วยความปลอดภัย โดยเฉพาะเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ “ถ้าดื่มต้องไม่ขับ ถ้าขับต้องไม่ดื่ม” ทั้งนี้ จากการตรวจติดตามการให้บริการตามนโยบายฯ ที่ผ่านมาพบว่า ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจเข้ม “ต้องไม่ให้มียาเสพติด ไม่ให้มีอาวุธปืน ไม่มีเด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์เข้าใช้บริการ”
ทั้งนี้ สถานบริการที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องและตั้งอยู่ในพื้นที่ตามโซนนิ่งที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงเท่านั้นที่สามารถให้บริการตามมาตรการขยายเวลาได้ ในส่วนของร้านอื่น ๆ หลังเวลาที่กฎหมายกำหนด (เที่ยงคืน) ก็สามารถจำหน่ายอาหารได้ตามปกติ
“ที่ผ่านมาเราตรวจติดตามทุกพื้นที่ ทั้ง RCA ข้าวสาร จังหวัดเชียงใหม่ และวันนี้มาที่สีลม ตอนนี้เราตรวจสถานที่ตาม Zoning และต่อไปจะสุ่มตรวจพื้นที่อื่นที่อาจมีการลักลอบกระทำผิดกฎหมาย ถ้าพบต้องดำเนินการตามกฎหมายไม่มีละเว้น และขอย้ำว่าสิ่งที่เราได้ทำ คือ การขยายเวลาให้บริการถึงตี 4 ในพื้นที่ที่กำหนดนั้น ไม่ได้เป็นการเอาใจนักท่องเที่ยว แต่เรามุ่งหวังให้กิจการต่าง ๆ ทั้งร้านนวดเท้า พ่อค้า แม่ค้า ที่จำหน่ายเสื้อผ้า จำหน่ายลูกชิ้นทอด ไก่ทอด อาหาร สามารถมีเวลาหารายได้มากขึ้นและผู้ประกอบการก็สามารถจ้างงานพนักงานเวลาเพิ่มขึ้น คนขับแท็กซี่ ขับแกรบ มีรายได้เพิ่ม พนักงานก็ได้เงินรายได้มากขึ้น และสำหรับการประกอบการของสถานบริการที่ได้รับอนุญาตก็พบว่า หากมีกรณีนักท่องเที่ยวมึนเมา ก็จะมีห้องพักคอยซึ่งจัดไว้ในโซนแยกจากโซนของนักท่องเที่ยวทั่วไป และทุกร้านก็ปฏิบัติตามมาตรการตามกฎหมายเคร่งครัด คือ ต้องไม่มีอาวุธปืน ไม่มียาเสพติด ไม่มีเด็กอายุต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนดเข้าใช้บริการ” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้มาตรวจดูความเรียบร้อย มาขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้ทำตามกฎหมาย ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เราทำงานด้วยความสามัคคี เรามาตรวจติดตามเพื่อทำให้บ้านเมืองมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย หนุนเสริมการท่องเที่ยว สร้างงาน สร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจให้กับพี่น้องประชาชน
ด้านพล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เน้นย้ำขอความร่วมมือกำชับผู้ประกอบการได้เคร่งครัดในเรื่องการตรวจตรา ห้ามมีเด็ก เยาวชน อายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์เข้าใช้บริการ ห้ามมีอาวุธปืนและห้ามมียาเสพติด ภายในสถานบริการ และจากการตรวจติดตามร่วมกับรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทยพบว่าสถานที่เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเสริมเศรษฐกิจให้กับคนไทย
ทั้งนี้ในด้านความปลอดภัยเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความพร้อมในการร่วมดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่ และขอย้ำมาตรการดูแลความปลอดภัยในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ คือ มาตรการ “10 รสขม” จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แก่ 1 ร. คือ ไม่ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด 2 ส. คือ ไม่ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร และไม่ขับรถย้อนศร 3 ข. คือ มีใบขับขี่, คาดเข็มขัดนิรภัย และไม่แซงในที่คับขัน และ 4 ม. คือ ไม่ขับขี่รถขณะเมาสุรา, สวมหมวกนิรภัย, ไม่ใช้รถมอเตอร์ไซค์ที่ไม่ปลอดภัย และไม่ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ