“หมอธีระ” ชี้เวลานี้ไม่ใช่เวลามาโปรโมทการท่องเที่ยวทั้งในประเทศ และนำจากต่างประเทศเข้ามา เพราะการระบาดของโควิดเริ่มกระจายตัว เดินตามรอยประเทศอื่นๆ และไม่ควรเอาการฉีดวัคซีนมาทำให้คนเข้าใจผิดว่าเป็น “กระสุนวิเศษ” แนะให้ใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง เพราะทุกชีวิตมีค่า
เมื่อวันที่ 4 เม.ย.64 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)” โดยมีข้อความว่าสถานการณ์ทั่วโลก 4 เมษายน 2564…ทะลุ 131 ล้านไปแล้ว คาดว่าอีกสองวันโปแลนด์น่าจะแซงโคลอมเบียขึ้นเป็นอันดับที่ 11 ของโลกได้ ตอนนี้ติดเชื้อต่อวันไต่ระดับขึ้นมาถึงราวสามหมื่นคนต่อวัน
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 536,516 คน รวมแล้วตอนนี้ 131,327,017 คน ตายเพิ่มอีก 8,154 คน ยอดตายรวม 2,858,125 คน, อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 64,730 คน รวม 31,381,702 คน ตายเพิ่ม 790 คน ยอดเสียชีวิตรวม 568,496 คน, บราซิล ติดเพิ่ม 41,218 คน รวม 12,953,957 คน ตายเพิ่มถึง 1,827 คน จำนวนเสียชีวิตต่อวันมากที่สุดในโลก ยอดเสียชีวิตรวม 330,193 คน, อินเดีย ติดเพิ่ม 92,998 คน รวม 12,484,127 คน กราฟการระบาดระลอกสองของอินเดียครั้งนี้มีความชันกว่าระลอกแรก การติดเชื้อต่อวันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หากจำกันได้ ระลอกแรกเค้ามีสถิติสูงสุดถึง 97,859 คนต่อวัน ณ วันที่ 16 กันยายน 2563 แต่ระลอกสองนี้มีโอกาสที่จะทำลายสถิติเดิม
ฝรั่งเศส ยังไม่มีรายงานเพิ่ม ยอดรวมตอนนี้ 4,741,759 คน, รัสเซีย ติดเพิ่ม 9,021 คน รวม 4,572,077 คน, อันดับ 6-10 เป็น สหราชอาณาจักร อิตาลี ตุรกี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่นต่อวัน, ตุรกีติดเชื้อเกินสี่หมื่นต่อวันอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้จำนวนติดเพิ่มต่อวันเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากอินเดีย และอเมริกา ทั้งนี้เค้ามีประชากรทั้งสิ้น 84.3 ล้านคน จัดเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรสูงอันดับที่ 17 ของโลก หากระบาดเช่นนี้ต่อไป ถือเป็น epicenter ตรงแถบยูเรเชีย
แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงบังคลาเทศ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น, แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่หลักร้อยถึงพันกว่า, แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง, เกาหลีใต้ ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน ไทย สิงคโปร์ และกัมพูชา ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกง เวียดนาม และออสเตรเลีย ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
…ย้ำอีกครั้งว่า การระบาดในไทยยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ปะทุในกลุ่มที่หลากหลาย กระจายหลายพื้นที่ หากดูตามเนื้อผ้า ก็เป็นไปตามธรรมชาติของการระบาดที่เกิดจากการไม่สามารถตัดวงจรการระบาดได้ในช่วงปลายปีก่อนถึงต้นปีที่ผ่านมา ยิ่งหากไม่ทบทวนนโยบายให้เหมาะสมกับสถานการณ์ จะยิ่งมีโอกาสทำให้เกิดการระบาดหนักหน่วงตามมาได้
“เวลานี้ไม่ใช่เวลามาโปรโมทการท่องเที่ยวทั้งในประเทศ และนำจากต่างประเทศเข้ามา” การระบาดที่เราเห็นตอนนี้ทั้งตลาดต่างๆ หลายต่อหลายจังหวัด สถานบันเทิง สถานศึกษาระดับมหาวิทยาลัย และกระจายมาถึงโรงพยาบาล/คณะแพทย์ เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เห็นชัดเจนว่าเดินตามรอยของประเทศอื่นๆ ที่เคยมีระบาดรุนแรงมาแล้ว และอาจไม่จำกัดอยู่เท่านี้ สถานที่อื่นมีโอกาสเกิดเช่นกัน ดังนั้นจึงต้องช่วยกันระวัง ป้องกันอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงาน งานบวช งานศพ งานวัด กิจกรรมมหรสพ ร้องเพลง คอนเสิร์ต งานจัดประชุม งานแสดงสินค้า งานประกวดต่างๆ ตลอดจนร้านอาหารที่แออัด ขนส่งสาธารณะ
สิ่งสำคัญมากอีกเรื่องคือ ไม่ควรเอาการฉีดวัคซีนไปเป็น gimmick ที่ทำให้คนในแต่ละพื้นที่หลงเข้าใจผิดว่า วัคซีนที่ได้รับอยู่นั้นเป็นกระสุนวิเศษ ที่จะปัดเป่าโรคภัยจากตนเอง ครอบครัว และชุมชน เพราะวัคซีนแต่ละชนิดที่ใช้กันในแต่ละประเทศนั้น มีสรรพคุณที่แตกต่างกัน บางชนิดสรรพคุณสูง ป้องกันติดเชื้อได้ ประเทศนั้นหากได้แจกจ่ายอย่างครอบคลุม ก็มีโอกาสที่จะฟื้นตัวได้สูงกว่า
แต่หากประเทศใด ใช้วัคซีนที่ไม่ได้มีสรรพคุณสูง ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ รวมทั้งยังแจกจ่ายได้ไม่มาก ก็ไม่ควรใช้เป็น gimmick ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อเปิดรับการท่องเที่ยว เพราะขัดต่อหลักการทางวิชาการแพทย์ การดึงดันที่จะดำเนินนโยบายดังกล่าวจะนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อการระบาดซ้ำรุนแรงได้ในไม่ช้า
ดังนั้นประชาชนในแต่ละประเทศก็จำเป็นต้องรู้เท่าทันสถานการณ์ และหมั่นหาความรู้ที่ถูกต้อง เพื่อที่จะตัดสินใจประพฤติปฏิบัติตนในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้อง เพราะทุกชีวิตล้วนมีคุณค่า โรคนี้ไม่ใช่โรคกระจอก เอาไม่อยู่แน่นอนหากประมาท ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด ด้วยรักและปรารถนาดี สวัสดีวันอาทิตย์ครับ