“โพลวันเด็ก” ชี้ชัดยังภูมิใจประเทศไทยมาก แต่เบื่อผู้ใหญ่จู้จี้ขี้บ่น สอนคนอื่นแต่ตัวเองทำไม่ได้ เผยอยากได้ความสงบ ความเป็นส่วนตัว มีอิสระ ไม่มีใครมาวุ่นวาย แนะรัฐบาลพิจารณานโยบายพัฒนาเด็กและเยาวชน มุ่งสู่การเป็นเด็กและเยาวชนที่ดี ลดความน่าเบื่อ กระตุ้นความอยากเชิงสร้างสรรค์
เมื่อวันที่ 12 ม.ค.67 สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจเรื่อง “โพลวันเด็ก” กรณีศึกษาตัวอย่างเด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 24 ปี ทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวน 1,089 ตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติ ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 5-11 ม.ค.67
เมื่อถามถึงการรับรู้คำขวัญวันเด็ก รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.5 ไม่รู้หรือบอกว่ารู้ แต่จำไม่ได้ทั้งหมด ในขณะที่ร้อยละ 25.5 รู้ว่าเป็น “มองโลกกว้าง คิดสร้างสรรค์ เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย” ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามเด็กและเยาวชนว่า เบื่ออะไร คำตอบคือ ร้อยละ 55.1 เบื่อผู้ใหญ่จู้จี้ขี้บ่น เอาแต่สั่งสอนคนอื่น ตัวเองทำไม่ได้ พ่อแม่บ่น ครูจู้จี้ อาจารย์สอนน่าเบื่อ รองลงมาคือ ร้อยละ 52.9 เบื่อเรียน ร้อยละ 51.8 เบื่อความวุ่นวาย ร้อยละ 47.6 เบื่อผู้ใหญ่ทะเลาะกัน พ่อแม่ทะเลาะกัน คนทะเลาะกัน ร้อยละ 47.5 เบื่อความจำเจ ซ้ำๆ ซากๆ และร้อยละ 25.6 อื่นๆ เช่น เบื่อรถติด เบื่อทุกอย่าง เบื่อคนรอบข้าง เป็นต้น ในขณะที่ร้อยละ 43.8 ไม่ได้เบื่ออะไร
แต่เมื่อถามว่า อยากได้อะไร พบว่า อันดับแรกร้อยละ 53.4 อยากได้ความสงบ ความเป็นส่วนตัว มีเวลาเป็นส่วนตัว ความเป็นอิสระ ไม่มีใครมาวุ่นวาย รองลงมาคือร้อยละ 50.5 อยากให้ผู้ใหญ่เลิกจู้จี้ขี้บ่น เปิดกว้างรับฟังความเห็น ทำตามเด็กบ้าง ร้อยละ 49.2 อยากเรียนสนุก เพลิดเพลินกับการเรียน การบ้านน้อย ๆ เรียนแล้วใช้ประโยชน์ได้จริง ร้อยละ 47.7 อยากให้ผู้ใหญ่เลิกทะเลาะกัน และร้อยละ 35.6 ระบุอื่น ๆ อยากได้เพื่อนใหม่ อยากได้มือถือเครื่องใหม่ อยากได้เกมส์ใหม่ อยากได้ชีวิตใหม่ ในขณะที่ร้อยละ 45.5 ไม่อยากได้อะไร
อย่างไรก็ตาม ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่ของเด็กและเยาวชนไทยคือร้อยละ 87.9 รู้สึกภูมิใจต่อประเทศไทยมากถึงมากที่สุด ร้อยละ 8.7 ปานกลาง และเพียงร้อยละ 3.4 น้อยถึงไม่เลย
รายงานของซูเปอร์โพล ระบุว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่าเด็กและเยาวชนไทยส่วนใหญ่ยังภูมิใจต่อประเทศของตนเองมีเพียงเด็กและเยาวชนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ที่รู้สึกภูมิใจน้อย แต่ก็ควรใส่ใจเพราะอาจจะขยายตัวเติบโตขึ้นได้อีกอะไรที่เด็กและเยาวชนเบื่อ และอะไรที่เด็กและเยาวชนอยากได้ เป็นข้อมูลที่ผู้ใหญ่ในสังคมน่าจะนำมาพิจารณาออกแบบตอบโจทย์ที่เรียบง่ายตรงไปตรงมาจากใจของเด็กและเยาวชน จึงเสนอให้รัฐบาลพิจารณาแนวนโยบายในการพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มุ่งสู่การเป็นเด็กและเยาวชนที่ดีลดความน่าเบื่อกระตุ้นความอยากเชิงสร้างสรรค์ต่อเด็กและเยาวชนเองและสังคมโดยส่วนรวม
รายงานของซูเปอร์โพล ระบุด้วยว่า นโยบายพัฒนาเด็กและเยาวชนที่ดีเป็นแนวทางและกลยุทธ์ที่รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เพื่อสร้างสภาวะที่เต็มเปี่ยมด้วยโอกาส เสรีภาพ ความรับผิดชอบและความเท่าเทียมในการเติบโตและพัฒนาของเด็กและเยาวชนในสังคม นโยบายนี้มุ่งเน้นให้เด็กและเยาวชนมีสิทธิ์ในการรับการดูแลและการศึกษาที่เหมาะสมและอยู่ในสภาวะที่ปลอดภัย นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นให้พัฒนาสมรรถนะทางสังคมและความสามารถในด้านต่าง ๆ เพื่อให้เด็กและเยาวชนเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับอนาคตของตนเองและสังคมในอนาคตด้วยความมั่นใจและความสามารถในการแสวงหาโอกาสและเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาชุมชนและประเทศชาติที่ยั่งยืนโดยมีองค์ประกอบสำคัญ เช่น การศึกษาที่ส่งเสริมการเรียนรู้ก้าวทันโลกในยุคดิจิทัลมีห้องเรียนไซเบอร์อยู่ในมือของเด็กและเยาวชนเรียนรู้เก่งได้ด้วยตนเอง ด้วยการทำงานเป็นกลุ่ม ด้วยอาจารย์และด้วยชุมชนกับคนรอบข้างเด็กและเยาวชนเหล่านั้นโดยบริการความรู้เทคโนโลยีสารสนเทศยุคปัจจุบันนี้ที่น่าใช้คือ ChatGPT นอกจากนี้ ด้านความเป็นส่วนตัวสิทธิเสรีภาพ ความรับผิดชอบและความเท่าเทียม ด้านสุขภาพที่ต้องมีความแข็งแรงทั้งกายใจและจิตวิญญาณสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่ดีในการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม ด้านความปลอดภัยที่เด็กและเยาวชนย่อมต้องได้รับการคุ้มครองโดยรัฐบาลและการปกครองส่วนท้องถิ่นต้องลงทุนในการสร้างสุขภาวะความปลอดภัยให้พวกเขาอยู่ได้โดยไม่รู้สึกหวาดกลัวต่ออาชญากรรม และด้านความเข้มแข็งทางทักษะชีวิตและทักษะทางสังคมของเด็กและเยาวชน เป็นต้น
“นโยบายพัฒนาเด็กและเยาวชนที่ดีควรมุ่งเน้นการเสริมสร้างสภาวะที่เหมาะสมในการเจริญเติบโตและพัฒนาของเด็กและเยาวชนให้เป็นทรัพยากรมนุษย์และเป็นส่วนหนึ่งของสังคมทุกระดับตั้งแต่ครอบครัว ชุมชน ถึงระดับประเทศที่มีคุณธรรมและคุณค่าที่ดีต่อตนเองและต่อสังคม การสนับสนุนและการลงทุนในการพัฒนาเด็กและเยาวชนจึงเป็นสิ่งสำคัญจำเป็นในการออกแบบอนาคตของประเทศที่เจริญรุ่งเรืองแข็งแกร่งมั่นคงและยั่งยืน ดังนั้นหน้าที่สำคัญของรัฐบาลและภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้องคือการทำให้นโยบายที่ดีเกิดขึ้นได้จริงจับต้องได้ในด้านการศึกษายุคดิจิทัล สุขภาพ เสรีภาพ ความรับผิดชอบ ความเท่าเทียม ทักษะชีวิต ทักษะทางสังคม ทัศนคติที่ดี อาชีพการงาน และความปลอดภัยทางกายภาพและความปลอดภัยทางไซเบอร์ของเด็กและเยาวชน รวมถึงการปลูกฝังจิตสำนึกของเด็กและเยาวชนในการรักษาความมั่นคงของชาติสถาบันหลักและผลประโยชน์ของชาติ ผลที่ตามมาคือ เด็กและเยาวชนจะได้รับการดูแลทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ครบทุกมิติให้มีคุณภาพที่ดีอย่างเหมาะสมกับวัย” รายงานของซูเปอร์โพลระบุไว้