เผยยอดลงทะเบียนหนี้นอกระบบครบ 65 วัน มูลหนี้ 9,504 ล้านบาท ประชาชนลงทะเบียนแล้วกว่า 1.38 แสนราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จแล้ว 11,149 ราย มูลหนี้ลดลงกว่า 635 ล้านบาท มหาดไทยเน้นย้ำ มุ่งแก้ไขปัญหาให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นวันที่ 65 นับตั้งแต่เปิดลงทะเบียนเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566 เป็นต้นมา โดยจากข้อมูลของสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง เมื่อเวลา 15.00 น. มีมูลหนี้รวม 9,504.677 ล้านบาท ประชาชนลงทะเบียนแล้ว 138,192 ราย เป็นการลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ 116,557 ราย และการลงทะเบียน ณ ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ 21,635 ราย รวมจำนวนเจ้าหนี้ 106,623 ราย
พื้นที่/จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนมากที่สุด 5 ลำดับแรก 1. กรุงเทพมหานคร ยังคงมากที่สุด มีผู้ลงทะเบียน 11,091 ราย เจ้าหนี้ 7,726 ราย มูลหนี้ 835.898 ล้านบาท 2. จังหวัดนครศรีธรรมราช มีผู้ลงทะเบียน 5,640 ราย เจ้าหนี้ 5,170 ราย มูลหนี้ 380.628 ล้านบาท 3. จังหวัดสงขลา มีผู้ลงทะเบียน 5,133 ราย เจ้าหนี้ 4,059 ราย มูลหนี้ 336.781 ล้านบาท 4. จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ลงทะเบียน 4,803 ราย เจ้าหนี้ 3,699 ราย มูลหนี้ 404.081 ล้านบาท 5. จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ลงทะเบียน 3,627 ราย เจ้าหนี้ 2,518 ราย มูลหนี้ 312.364 ล้านบาท
ขณะที่จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนน้อยที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ 1. จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีผู้ลงทะเบียน 222 ราย เจ้าหนี้ 233 ราย มูลหนี้ 14.069 ล้านบาท 2. จังหวัดระนอง มีผู้ลงทะเบียน 317 ราย เจ้าหนี้ 235 ราย มูลหนี้ 21.929 ล้านบาท 3. จังหวัดสมุทรสงคราม มีผู้ลงทะเบียน 365 ราย เจ้าหนี้ 282 ราย มูลหนี้ 13.144 ล้านบาท 4. จังหวัดตราด มีผู้ลงทะเบียน 443 ราย เจ้าหนี้ 330 ราย มูลหนี้ 20.118 ล้านบาท และ 5. จังหวัดสิงห์บุรี มีผู้ลงทะเบียน 461 ราย เจ้าหนี้ 345 ราย มูลหนี้ 23.795 ล้านบาท
“สำหรับข้อมูลการไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบทั่วประเทศพบว่า มีลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยแล้ว 18,501 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 11,149 ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนไกล่เกลี่ย 1,758.415 ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย 1,122.532 ล้านบาท มูลหนี้ลดลง 635.883 ล้านบาท และจังหวัดที่สามารถนำลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยได้มากที่สุดยังคงเป็นจังหวัดนครสวรรค์เช่นเดิม โดยมีลูกหนี้ที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย 3,152 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 295 ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนไกล่เกลี่ย 252.733 ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย 26.064 ล้านบาท ทำให้มูลหนี้ของพี่น้องประชาชนในจังหวัดนครสวรรค์ลดลง 226.669 ล้านบาท สำหรับกรณีที่ไม่ได้รับความร่วมมือกระทั่งไม่สามารถดำเนินการไกล่เกลี่ยได้ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการส่งสำนวนแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจในพื้นที่ มีการดำเนินคดีไปแล้ว 256 คดี ใน 33 จังหวัด” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าว
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบตามนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยประชาชนที่ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือ ฝ่ายปกครองจะได้เชิญทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยประนีประนอม แต่หากการไกล่เกลี่ยไม่เป็นผล ก็ต้องใช้มาตรการทางกฎหมายเข้าไปแก้ปัญหา
นอกจากนี้ กลไกกระทรวงมหาดไทยในระดับพื้นที่ได้บูรณาการร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และธนาคารของรัฐในพื้นที่ เข้าร่วมให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้และเจ้าหนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ได้อย่างครบวงจร พร้อมทั้งจัดหาแหล่งทุน แหล่งงาน แหล่งอาชีพ เพื่ออำนวยความสะดวกในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างเป็นรูปธรรม
“กระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอได้ใช้กลไกระดับพื้นที่ทำการประชาสัมพันธ์ในเรื่องการลงทะเบียนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบได้เข้ามาลงทะเบียนขอรับการช่วยเหลือจากทางภาครัฐอย่างครอบคลุมและทั่วถึง ภายในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 รวมทั้งให้ทุกพื้นที่ดำเนินกระบวนการเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้สินทันทีที่ได้รับการลงทะเบียน เพื่อให้ลูกหนี้นอกระบบที่ลงทะเบียนไว้ได้รับการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบได้รวดเร็วที่สุด
นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำทุกอำเภอได้ดำเนินการจัดกิจกรรม “ตลาดนัดแก้หนี้” อย่างน้อยเดือนละ 4 ครั้ง หนุนเสริมเพิ่มเติมจากตลาดนัดแก้หนี้ระดับจังหวัดที่มีการจัดเดือนละ 1 ครั้ง โดยบูรณาการกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงสถาบันการเงิน เพื่อนำเข้าสู่หนี้ในระบบควบคู่กับการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพี่น้องประชาชนอย่างยั่งยืน โดยประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้นอกระบบ สามารถลงทะเบียนได้ทั้งทางระบบออนไลน์ที่ https://debt.dopa.go.th หรือลงทะเบียนได้ ณ ที่ว่าการอำเภอ หรือสำนักงานเขตทั่วประเทศ โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้าย