วันจันทร์, พฤศจิกายน 25, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlightกรมการแพทย์ยัน''ยาฟาวิพิราเวียร์''เพียงพอ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

กรมการแพทย์ยัน”ยาฟาวิพิราเวียร์”เพียงพอ

กรมการแพทย์ เผยกระทรวงสาธารณสุข เน้นย้ำให้ประชาชนมั่นใจระบบการวินิจฉัยและดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด 19 ที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งจัดเตรียมยา “ฟาวิพิราเวียร์” เพียงพอกับความต้องการ

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า เนื่องจากผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19 ในประเทศระลอกเดือนเมษายน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ได้มอบหมายให้กรมการแพทย์เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดระบบการรักษาพยาบาล การเตรียมความพร้อมสำหรับสถานพยาบาลในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงจัดทำแนวทางเวชปฏิบัติการวินิจฉัย ดูแลรักษาและป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาลกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สําหรับแพทย์และบุคลากรสาธารณสุข เพื่อให้สามารถดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด 19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีมาตรฐานเดียวกัน

ทั้งนี้ กรมการแพทย์ ได้มีการประชุมหารือแนวทางการรักษาผู้ติดเชื้อรายใหม่ และวางแผนการรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสมตามความจำเป็นของผู้ป่วยแต่ละราย โดยผู้ป่วยจะได้รับการรักษาตัวในโรงพยาบาล จนอาการผู้ป่วยหายเป็นปกติและไม่มีอาการแทรกซ้อนอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ ซึ่งเป็นระบบการรักษาที่มีประสิทธิภาพและครบวงจรในกรณีที่ผู้ป่วยมีความจำเป็นต้องใช้ยาต้านไวรัส กระทรวงสาธารณสุขได้จัดเตรียมยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) ไว้ประมาณกว่า 400,000 เม็ด (ข้อมูล ณ วันที่ 12 เมษายน 2564)

ซึ่งองค์การเภสัชกรรมได้มีการสั่งซื้อเพิ่มอีก 5 แสนเม็ด โดยจะกระจายยาไปยังโรงพยาบาลต่าง ๆ เช่น สถาบันบำราศนราดูร โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลนพรัตน์ฯ โรงพยาบาลเลิดสิน สถาบันโรคทรวงอก และโรงพยาบาลสังกัด กทม. โรงพยาบาลสังกัดโรงเรียนแพทย์ โรงพยาบาลเอกชน รวมถึงโรงพยาบาลใหญ่ในจังหวัดต่าง ๆ

ดังนั้น ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า ยา “ฟาวิพิราเวียร์” มีเพียงพอสำหรับผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้ หากเกิดการระบาดระลอกใหม่ทั้งนี้ หลักการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ ตามแนวทางเวชปฏิบัติการวินิจฉัย ดูแลรักษาและป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาลกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการทางคลินิกแพทย์ผู้รักษาจะพิจารณาตามความเหมาะสม ของอาการผู้ป่วย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อผู้ป่วยมีอาการรีบมาโรงพยาบาลแจ้งประวัติให้บุคลการทางการแพทย์ทราบ จะช่วยให้การวินิจฉัยได้ไว และ รักษา ได้ เร็ว ผู้ป่วยก็จะหายไวขึ้น

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img