“หมอหนู” ยอมรับเจรจา “ไฟเซอร์” ยังไม่ลงตัว เดือนพ.ค.นี้ยังไม่มีวัคซีนมาส่ง ยกเว้นของ “ซิโนแวค” ส่วนการผลิตวัคซีนในไทยเป็นไปตามแผน ยืนยัน “ยารักษา-น้ำยาตรวจ” มีเพียงพอ แต่เป็นห่วงเตียงไอซียูในกทม.อาจไม่พอ ลั่นไม่เคยสั่งให้ปิดข่าว-ยำข่าว-ซ่อนข่าว-ปรุงแต่งข่าว มีอะไรบอกให้หมด
เมื่อวันที่ 20 เม.ย.64 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่มีผู้แทนจากบริษัทไฟเซอร์ มาร่วมหารือว่า เราหารือกับทุกๆ เจ้าอยู่แล้ว อย่างไฟเซอร์ก็เป็นการหารือถึงเรื่องของการจัดหาวัคซีน ว่าจะสามารถร่นเวลาการส่งของให้เร็วกว่าที่เคยเจรจากันได้หรือไม่ ซึ่ง ณ วันนี้ ไม่มีรายไหนที่สามารถส่งให้ได้ในเดือนพ.ค.นี้ มีเพียงแค่ซิโนแวคเท่านั้น แต่ก็ยังเจรจากันต่อ ถ้าเขามีวัคซีนมา และเงื่อนไขอยู่ในสิ่งที่เรารับได้ ก็พร้อมที่จะซื้อ เพราะหลายคนก็บอกว่าเราควรมีวัคซีนทางเลือก วัคซีนสำรอง จึงเจรจาอยู่
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า วัคซีนหลักของเราตอนนี้ยังเป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ที่ผลิตในประเทศไทยนั้น ตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดการที่ตำลงกันไว้ในสัญญาการจัดซื้อจัดหา และจากรายงานจากผู้ที่เกี่ยวข้องที่ติดตามสายการผลิตของแอสตร้าฯ ทุกสายยังยืนยันว่า คุณภาพผลิตภัณฑ์ยังเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ทุกประการ และภายในสัปดาห์นี้ก็จะส่งเอกสารให้กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พิจารณาโรงงาน หรือไซต์การผลิตในประเทศไทย ซึ่งก็คือบริษัทสยามไบโอไซเอน เป็นบริษัทผู้ผลิตตามขั้นตอน ซึ่งไม่ได้ล่าช้า แต่เป็นเพราะเราจะไปอนุมัติก่อนหน้านี้ไม่ได้ เนื่องจากผลิตยังไม่เสร็จ แต่ตอนนี้ผลิตกันออกมาแล้วอยู่ในขั้นตอนที่จะต้องทำให้มั่นใจว่าความปลอดภัยเป็นไปตามมาตรฐานทุกอย่างและพร้อมส่ง ซึ่งล็อตแรกที่จะออกมา วันนี้ ยังได้รับรายงานว่าเป็นไปตามกำหนดคือเดือนมิ.ย.นี้ ขณะที่วัคซีนของซิโนแวค ที่เพิ่งเข้ามาใหม่อีก 1 ล้านโดส เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา สัปดาห์นี้ก็มีการกระจายลงพื้นที่แล้ว และจะฉีดให้กับบุคลากรการแพทย์ ให้ครบทั้งรัฐและเอกชน เพื่อจะได้ไม่ต้องกังวลว่าเวลาบุคลากรเข้าไปดูแลผู้ติดเชื้อฯ
นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนน้ำยาตรวจโควิดนั้น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยืนยันว่ามีเพียงพอ มีการสั่งทั้งในประเทศ และนอกประเทศ รวมๆ กว่า 1 ล้านชุดตรวจ วันนี้เราไม่มีปัญหาเรื่องการตรวจ อย่าคิดว่าทุกอย่างเป็นปัญหา การกระจายก็เป็นไปตามระบบ รวมถึงยาฟาวิพิราเวียร์ ก็ยันยืนว่าเพียงพอ วันนี้มีการใช้มากขึ้น แต่ก็หามาเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ขณะที่การดูแลผู้ป่วยนั้น ยืนยันว่าทุกคนต้องได้รับการรักษาในสถานพยาบาล โดยพยายามจัดคิวให้ดีที่สุด วันนี้คนติดเชื้อเยอะ ก็ต้องกระจายกันไป เพื่อพยายามสำรองเตียงในรพ.เอาไว้สำหรับผู้มีอาการปานกลางถึงหนัก แต่ถ้าเป็นคนไม่มีอาการ หรืออาการไม่มาก ก็มาดูแลในรพ.สนาม ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย ปฏิเสธไม่ได้ แต่วันนี้ไม่ใช่เวลาที่เราจะมานั่งดำเนินคดีกับใคร แต่เป็นเวลาที่เราต้องเห็นใจ และช่วยเหลือกันและกัน ถ้าคนติดเชื้อเข้าถึงการรักษาได้เร็ว โอกาสในการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นก็ลดลง
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการนำเรื่องการทำงานของแพทย์ มาเป็นเรื่องการเมืองพยายามดึงความเชื่อมมั่นของประชาชนต่อระบบสุขภาพ นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขแถลงข่าวทุกวัน โดยผู้เชี่ยวชาญ ผู้ที่ทำงานจริงๆ ผู้ที่รู้เรื่องจริงๆ อัพเดทสถานการณ์จริงๆ เรียลไทม์จริงๆ มาให้ข้อมูลกับประชาชน ดังนั้นหากเป็นบุคลากรที่นอกเหนือจากนี้ เป็นการเขียนบทความ เป็นการวิเคราะห์ข่าว ก็ไม่ควรที่จะนำมาตื่นตระหนกมาก ฟังแล้วควรวิเคราะห์และเปรียบเทียบกับข้อมูลหลักของกระทรวงสาธารณสุข นี่เป็นเหตุผลที่เราต้องแถลงข่าวทุกวัน เพราะรู้ว่าหากไม่แถลงทุกวันแล้ว ประชาชนจะไปรับฟังข่าวจากแหล่งอื่น ซึ่งจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง เป็นการวิเคราะห์ หรือความรู้สึกส่วนตัว ก็จะทำให้เกิดความรู้สึก ความหลากหลายของข่าว ดังนั้นขอให้รับฟังข่าวจากกระทรวงสาธารณสุข
“ยืนยันรมว.สาธารณสุขคนนี้ ไม่เคยสั่งให้ปิดข่าว ยำข่าว ซ่อนข่าว หรือว่าปรุงแต่งข่าว มีอะไรบอกให้หมด เพราะผมเชื่อว่าประชาชนมีสิทธิรับทราบสถานการณ์ของการระบาดโควิด-19 มากพอๆ กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง”นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์ว่าสัปดาห์นี้จะมีผู้ที่มีอาการรุนแรงมากขึ้น จึงต้องเตรียมเตียงไอซียูจำนวนมาก ดังนั้นในส่วนของต่างจังหวัดมีการเตรียมความพร้อมอย่างไรบ้าง นายอนุทิน กล่าวว่า ที่เราปวดหัวที่สุดคือการระบาดในกรุงเทพฯ ถ้าแก้ปัญหาในกรุงเทพฯได้ ในต่างจังหวัดไม่น่าจะมีปัญหา เพราะความหนาแน่น และการบริหารจัดการมีการกระจายอำนาจไป ซึ่งมีทั้งผู้อำนวยการโรงพยาบาล และมีสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ดังนั้นหากบริหารจัดการในกรุงเทพฯได้ ต่างจังหวัดก็ไม่น่ามีปัญหา อย่ากังวลมาก แต่ก็ขอความร่วมมือจากประชาชนทุกคนในการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะหลังการใช้ห้องน้ำ เพราะโรคโควิดช่วงติดเชื้อใหม่ๆ เชื้อจะอยู่ในของเสียเยอะ ทั้งอุจจาระ ปัสสาวะ ดังนั้นหากเป็นห้องน้ำสาธารณะจะต้องล้างมือ เพราะคนที่เข้าก่อนหน้าเราการกดชักโครก ก็คงยังไม่ได้ล้างมือ ดังนั้นเมื่อเราเข้าห้องน้ำจึงต้องล้างมือ