“หมอธีระ” ชี้สถานการณ์โควิดระบาดทั่วโลกยังรุนแรง แต่สิ่งที่เรียนรู้คือ ต่างปท.สื่อสารกับปชช.อย่างชัดเจน ละเอียด ครบถ้วน ทันเวลา ส่วนไทยยังน่าห่วงที่ระบาดต่อเนื่อง แนะให้ใส่หน้ากากสองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า ล้างมือบ่อยๆ เลี่ยงกินดื่ม เลี่ยงตะลอนทัวร์หรือพบปะสังสรรค์
เมื่อวันที่ 21 เม.ย.64 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ว่า สถานการณ์ทั่วโลก 21 เมษายน 2564…อินเดียติดเพิ่มเกือบสามแสนคนต่อวัน บราซิลทะลุ 14 ล้านไปแล้ว เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 830,389 คน รวมแล้วตอนนี้ 143,507,203 คน ตายเพิ่มอีก 13,495 คน ยอดตายรวม 3,055,843 คน, อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 57,092 คน รวม 32,533,246 คน ตายเพิ่ม 838 คน ยอดเสียชีวิตรวม 582,411 คน อัตราตาย 1.8%, อินเดีย ติดเพิ่มมากถึง 294,290 คน รวม 15,609,004 คน ตายเพิ่ม 2,020 คน ยอดเสียชีวิตรวม 182,570 คน อัตราตาย 1.2%, บราซิล ติดเพิ่ม 65,363 คน รวม 14,043,076 คน ตายเพิ่มถึง 2,954 คน ยอดเสียชีวิตรวม 378,003 คน อัตราตาย 2.7%, ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 43,098 คน ยอดรวม 5,339,920 คน ตายเพิ่ม 375 คน ยอดเสียชีวิตรวม 101,597 คน อัตราตาย 1.9%, รัสเซีย ติดเพิ่ม 8,164 คน รวม 4,718,854 คน ตายเพิ่ม 379 คน ยอดเสียชีวิตรวม 106,307 คน อัตราตาย 2.3%
อันดับ 6-10 เป็น สหราชอาณาจักร ตุรกี อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่นต่อวัน ตุรกีติดเพิ่มกว่าหกหมื่นคน, แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงบังคลาเทศ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น, แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่หลักร้อยถึงพันกว่า, แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง, เกาหลีใต้ และกัมพูชา ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกง เวียดนาม และนิวซีแลนด์ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
…สถานการณ์ระบาดของทั่วโลกยังรุนแรง ขาขึ้นชัดเจน อเมริกาเคยทำสถิติติดเชื้อต่อวันสูงสุดเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2021 จำนวน 307,581 คน แต่ขณะนี้เป็นที่จับตามองว่าอินเดียอาจแซงสถิติเดิมของอเมริกาได้ในอีกไม่กี่วันนี้ หากคุมการแพร่ระบาดไม่ได้ ยังไงคงต้องเอาใจช่วยเค้ามากๆ เพราะการระบาดจะกระจายไปยังประเทศต่างๆ โดยรอบได้เช่นกัน หลายประเทศสามารถควบคุมการระบาดได้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ที่เน้นการใช้มาตรการเข้มข้นเคร่งครัดดังที่เราเห็นมา จนบัดนี้เริ่มเปิดเดินทางระหว่างกันได้
สิ่งที่เรียนรู้ได้จากการติดตามสถานการณ์ของเค้าคือ กุญแจสำคัญที่แสดงให้เห็น ได้แก่ การสื่อสารแก่ประชาชนอย่างละเอียดครบถ้วน ทันเวลา โดยการใช้ความรู้ที่ชัดเจน ถูกต้อง เลือกใช้อาวุธต่อสู้การระบาดอย่างมีประสิทธิภาพ ระบบการตรวจคัดกรองโรคมีศักยภาพที่จะตรวจได้มาก และเน้นมาตรการเคร่งครัดเข้มข้นเพื่อจัดการระบาดที่ปะทุให้ได้ในระยะเวลาสั้น ลองไปดูข้อมูลเปรียบเทียบจาก Ourwoldindata ณ 13 เมษายน 2021 พบว่าออสเตรเลียตรวจประมาณ 1.42 tests ต่อประชากร 1,000 คน, นิวซีแลนด์ 0.91, ญี่ปุ่น 0.53 เกาหลีใต้ 0.77 ส่วนของไทย 0.23 ตรวจในอัตราพอๆ กับปากีสถาน โมรอคโค มอริทาเนีย เปรู
สำหรับสถานการณ์ของไทยเราตอนนี้ ยังระบาดต่อเนื่อง น่าเป็นห่วงมาก เพราะพื้นที่เขตเมืองยังมีการเดินทางไปมาหาสู่กันอยู่พอสมควร ทั้งขนส่งสาธารณะ รวมถึงสถานประกอบกิจการต่างๆ สถิติการติดเชื้อทั้งจากสถานที่ทำงาน และสมาชิกในครอบครัว ดูจะมากขึ้นเรื่อยๆ ขอให้ระมัดระวัง ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด ทั้งในที่ทำงาน ห้าง ร้านอาหาร โรงแรม/ที่พัก/ที่ประชุม และขนส่งสาธารณะ ทั้งรถเมล์ รถตู้ รถไฟ เครื่องบิน ฯลฯ
ใส่หน้ากากสองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า ล้างมือบ่อยๆ พกเจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ติดตัวไว้ใช้ ระวังเรื่องสุขาสาธารณะ ปิดฝาก่อนกดชักโครก อย่าลืมล้างมือ ใส่หน้ากากขณะใช้ เลี่ยงการกินดื่มในร้านหรือโรงอาหาร ซื้อกลับจะปลอดภัยกว่า เลี่ยงการตะลอนท่องเที่ยว พบปะสังสรรค์ คอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว หากไม่สบาย ควรหยุดงาน แล้วรีบไปตรวจรักษา ประเทศไทยต้องทำได้ หากเราทุกคนร่วมแรงร่วมใจ ด้วยรักและห่วงใย