‘หมอชลน่าน’ ยัน สธ.ควบคุม ‘โควิด’ ได้ วอน ปชช.อย่าตื่นตระหนก สถานการณ์ควบคุมได้ กรมควบคุมโรคเตือนแล้วจำนวนผู้ป่วยพุ่งหลังสงกรานต์
นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ฝากถึงประชาชนอย่าตื่นตระหนกถึงข่าวสารเกี่ยวกับโควิด และขอให้ติดตามข่าวสารจากกรมควบคุมโรค กระทรงงสาธารณสุขเท่านั้น นพ.ชลน่านมีความห่วงใยประชาชนต่อสถานการณ์ของโรคโควิด 19 ที่เพิ่มสูงขึ้นหลังเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันโรคโควิด 19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังตาม พรบ.โรคติดต่อ แต่ยังไม่มีรายงานการระบาดรุนแรง
ที่ผ่านได้มีการสั่งการสธ.ทุกจังหวัดประเมินสถานการณ์และเตรียมความพร้อม กำชับทุกหน่วยงานดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง รอบสัปดาห์ล่าสุด (วันที่ 14 – 20 เมษายน 2567) ทั่วประเทศพบผู้ป่วยโรคโควิด 19 ที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล 1,004 ราย เฉลี่ยวันละ 143 ราย แนวโน้มเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามรายงานของกรมควบคุมโรคว่าหลังสงกรานต์จะพบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นจากการเล่นน้ำสงกรานต์ พื้นที่ที่พบผู้ป่วยมากขึ้นคือ กรุงเทพ ปริมณฑล และจังหวัดท่องเที่ยวหลายแห่ง คาดว่าเป็นเพราะส่วนใหญ่มีอาการเหมือนไข้หวัด ทำให้ไม่ระวังป้องกันตนเอง จึงเกิดการแพร่เชื้อมากขึ้น ทั่วประเทศมีผู้ป่วยอาการรุนแรง ปอดอักเสบ 292 ราย ในจำนวนนี้ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 101 ราย และเสียชีวิต 3 ราย โดยผู้เสียชีวิตทุกรายเป็นกลุ่มผู้สูงอายุหรือมีโรคเรื้อรังซึ่งอยู่ในกลุ่มเสี่ยง
จากการติดตามเฝ้าระวังสายพันธุ์ที่กำลังระบาดในประเทศไทย ข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่ายังคงเป็นสายพันธุ์รุ่นลูกของโอมิครอน โดยผู้ป่วยจะมีลักษณะอาการคล้ายหวัด เช่น ไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อย ตามตัว ปวดศีรษะ มีน้ำมูก โดยยังไม่พบว่ามีระดับความรุนแรงของโรคเพิ่มขึ้นจากสายพันธุ์โอมิครอนเดิมในปีที่ผ่านมา
นางสาวตรีชฎา กล่าวว่า โรงพยาบาลหรือสถานที่พยาบาลไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เป็รข่าว ประชาชนทั่วไปสามารถป้องกันได้ ควรสวมหน้ากากอนามัย เมื่ออยู่ในสถานที่แออัดที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก เช่น ยรถสาธารณะ โรงพยาบาล สถานที่ดูแลผู้สูงอายุ หากมีอาการคล้ายหวัด ตรวจ ATK ผลเป็นบวก ให้กินยารักษาตามอาการ หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ถ้าอาการมากขึ้นให้ไปพบแพทย์ กลุ่มเสี่ยง 608 (ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง) หากมีอาการคล้ายหวัด ตรวจ ATK เป็นบวก 2 ขีด ควรสวมหน้ากากอนามัยและรีบพบแพทย์รับการรักษา เพื่อลดโอกาสในการเกิดอาการรุนแรง โรงพยาบาลทุกแห่งมีความพร้อมทั้งด้านบุคคลากรทางการแพทย์ เตียงรองรับผู้ป่วย เวชภัณฑ์ ตลอดจนมีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยเป็นอย่างดี ขอประชาชนอย่าได้วิตกกังวลหรือตื่นตระหนก กระทรงงสาธารณสุขพร้อมดูแลประชาชนอย่างดีที่สุด