วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 24, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWS“ธรรมนัส”สั่งลุยค้น 13 จุด จนท.รัฐออกหนังสือให้นอมินีครอบครองที่ดินส.ป.ก.โคราช
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ธรรมนัส”สั่งลุยค้น 13 จุด จนท.รัฐออกหนังสือให้นอมินีครอบครองที่ดินส.ป.ก.โคราช

“ธรรมนัส” สั่ง “ธนดล” สนธิกำลัง “บิ๊กเต่า” นำทีมหนุมานกองปราบ เปิดปฏิบัติการ ลุยค้น 13 จุด ล้างบางเจ้าหน้าที่รัฐ ออกหนังสือให้นอมินีครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.โคราช กว่า 600 ไร่ เอื้อนายทุนโรงงาน ใช้เป็นพื้นที่รองรับน้ำเสีย

นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์(ด้านกฎหมาย) เปิดเผยว่า ตามนโยบาย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้มอบหมายให้ตนเป็นประธานคณะทำงานตรวจสอบการใช้พื้นที่ ส.ป.ก. ซึ่งหากพบว่ามีการใช้ที่ ส.ป.ก.ผิดวัตถุประสงค์ก็จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดทันที เอาจริงและให้ตรวจสอบผู้ที่ได้รับเอกสาร ส.ป.ก. ทั่วประเทศว่าเป็นเกษตรกรตัวจริงหรือไม่ หรือเป็นนายทุน ไม่ถูกต้องตามระเบียบและวัตถุประสงค์ รวมไปถึง การดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ นอมินี นายทุนต่างๆ

วันนี้จึงได้ร่วมกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบ เจ้าหน้าที่ บก.ทล. เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 13 จุด ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา , อุดรธานี และ กรุงเทพฯ เพื่อจับกุมผู้ต้องหาขบวนการทุจริตออกใบอนุญาตที่ดิน ส.ป.ก. ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา 4 ราย ประกอบด้วย นายอัครเดช เรียนหิน อายุ 56 ปี ปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา นางวิไลลักษณ์ บุตรดา อายุ 53 ปี เจ้าหน้าที่นิติกรชำนาญการพิเศษ นายปรีชา ประภานุกูล อายุ 61 ปี เจ้านายช่างสำรวจอาวุโส และ นายโชคศักดิ์ มณีจันทรา อายุ 54 ปี นายช่างรังวัด ในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจโดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ”

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 66 นายกฤษฎา อินทามระ หรือ ทนายปราบโกง ได้เข้าร้องขอให้ทางตำรวจ บก.ปปป. ช่วยตรวจสอบพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก จังหวัดนครราชสีมา หลังเชื่อว่ามีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ปล่อยปะละเลยให้โรงงานแห่งหนึ่งในพื้นที่ ปล่อยน้ำเสียลงพื้นที่ ส.ป.ก.โดยไม่มีการดำเนินการใดๆ กับโรงงานดังกล่าว

ต่อมาตำรวจ บก.ปปป. ได้ตรวจสอบพบความผิดปกติของกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าว โดยมีการฉ้อฉล เร่งรัดดำเนินการออกหนังสือ ส.ป.ก.ให้กับชาวบ้านรวม 13 ราย เพื่อปกปิดความผิดของบริษัทจากการปล่อยน้ำเสียลงที่ดินของ ส.ป.ก. เป็นการปล่อยน้ำเสียลงพื้นที่ของชาวบ้านทำให้ที่ดินของรัฐ(ส.ป.ก.) ได้รับความเสียหายเกือบ 600 ไร่ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3 ออกหมายจับเจ้าหน้าที่รัฐที่ร่วมกระทำผิดทั้ง 4 ราย ดังกล่าว

สำหรับแผนประทุษกรรมของกลุ่มเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. เหล่านี้ ส่วนใหญ่จะอยู่กระบวนการขั้นออกหนังสือ ส.ป.ก.ให้กับชาวบ้านเพื่อใช้เป็นนอมินี หลังพบความผิดปกติหลายอย่าง อาทิ ไม่ได้มีการรังวัดที่ดิน ตามการนำชี้ของผู้ครอบครองทำประโยชน์ แต่เป็นการแบ่งแปลงเองของเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. รวมถึงวันที่มีการรังวัด สอบสวนสิทธิที่ดินกว่า 600 ไร่ นั้น ยังทำภายในวันเดียวกัน อีกทั้งยังพบว่ามีการให้เกษตรกร ที่เป็นผู้ถึอครองแทน หรือ นอมินี ลงนามรับรองผลการรังวัดไว้ก่อนที่จะมีการรังวัด จากนั้นจึงจัดทำเอกสารเท็จขึ้นมา
.
นายธนดลกล่าวเพิ่มเติมว่า พฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐพบว่าไม่มีการตรวจสอบความเป็นเกษตรกรของผู้ที่จะเข้ามาถือครอง ซึ่งบางรายพบว่าเป็นพนักงานโรงงาน บางรายไม่มีคุณสมบัติชัดเจน เช่นไม่ใช่ญาติของผู้กระจายสิทธิ และไม่ได้เป็นเกษตรตามข้อกำหนด อีกทั้งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพที่ดินที่ ออกเป็น ส.ป.ก.4-01 นั้น ส่วนใหญ่พบเป็นบ่อน้ำเสียเต็มพื้นที่ ไม่เหมาะสมในการนำมาจัดให้เกษตรกร รวมถึงยังพบร่องรอยการลงนามเอกสารที่ไม่สมบูรณ์ มีการเร่งรัดข้ามขั้นตอน และบันทึกข้อมูลอันเป็นเท็จ
ปฏิบัติการจับกุมเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.นครราชสีมาว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันกับทางตำรวจ เพื่อปราบปรามข้าราชการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.จังหวัดนครราชสีมา ระดับสูงได้จำนวน 4 ราย ซึ่งคดีนี้เป็นคดีที่ นายกฤษฎา ได้ออกมาเปิดโปงปัญหาโรงงานแป้งมันสำปะหลังลักลอบปล่อยน้ำเสียลงที่ดิน ส.ป.ก.กว่า 600 ไร่ ซึ่งเราได้มีการสืบสวนสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงมานานกว่า 5 เดือน
นายธนดล กล่าวต่อว่า ปกติแล้วการออกหนังสือที่ดิน ส.ป.ก. จะใช้เวลาในการพิจารณาค่อนข้างนาน แต่ในกรณีกลับพบว่าใช้เวลาเพียงแค่เดือนเศษๆ ซึ่งถือว่าเร็วมาก เร็วผิดปกติ เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะเจ้าหน้าที่เหล่านี้เลือกปฏิบัติ ทำให้เฉพาะกลุ่มนายทุน หรือ คนรวย อีกทั้งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบก็พบว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่สามารถใช้ทำการเกษตรเลี้ยงปลาได้ เนื่องจากสภาพน้ำเน่าเสียเกินกว่าที่ปลาจะอาศัย ส่วนบุคคลที่เข้ามาเป็นนอมินีถือครอง จากการตรวจสอบพบว่าเป็นพนักงานกับอดีตพนักงานโรงงานที่ปล่อยน้ำเสีย แต่จะมีคุณสมบัติเป็นเกษตรกรจริงๆหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ
“ยืนยันว่าไม่ว่านายทุนหรือผู้อยู่เบื้องหลังจะเป็นใคร หากพบผิดหรือเกี่ยวข้องไม่มีข้อยกเว้น ไม่มีมวยล้มต้มคนดู ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐหรือกลุ่มผู้ต้องหาที่จับกุมในวันนี้ จากแนวทางสืบสวนพบว่ามีการทำกันเป็นขบวนการ โดยใข้ตำแหน่งอำนาจหน้าที่ในการกระทำผิด และจะเร่งขยายผลหาความเชื่อมโยงไปยังเจ้าหน้าที่รัฐรายอื่นๆที่ยังไม่ถูกออกหมายจับ คาดว่ามีอีกประมาณ 5 ราย เป็นข้าราชการระดับ ซี 7และ8 “
นายธนดล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการสอบสวน ทางตำรวจ บก.ปปป. จะเร่งประสานไปยัง ปปง. เพื่อขยายผลยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่รัฐกลุ่มนี้ พร้อมเตรียมขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อหาความเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มนายทุน ซึ่งข้อมูลที่อยู่ตอนนี้ทราบว่ามีการโอนเงินให้ลูกสาวของผู้ต้องหา อยู่ระหว่างการตรวจสอบให้แน่ชัด ขณะที่ในส่วนของนอมินี ทั้ง 13 คน ทางเจ้าหน้าที่เตรียมเชิญตัวมาให้ปากคำ หากให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ก็อาจมีการพิจารณากันไว้เป็นพยาน
“เกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ผ่านมา ทราบว่าเคยมีการร้องเรียนผู้ว่าราชการจังหวัด และ หน่วยงานภาครัฐต่างๆที่เกี่ยวข้อง แต่กลับนิ่งเฉย จนตนต้องมาจับด้วยตนเอง” นาย ธนดล กล่าวทิ้งท้าย

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img