วันจันทร์, กรกฎาคม 8, 2024
หน้าแรกHighlightอัตราการตาย‘โควิด’สูงกว่า‘ไข้หวัดใหญ่’ แนะอย่าหลงกับภาพลวงตา-ป้องกันให้ดี
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

อัตราการตาย‘โควิด’สูงกว่า‘ไข้หวัดใหญ่’ แนะอย่าหลงกับภาพลวงตา-ป้องกันให้ดี

“หมอธีระ” ตอกย้ำ อัตราการตายจากโควิด-19 สูงกว่าไข้หวัดใหญ่ แนะอย่าหลงกับภาพลวงตาที่วาดให้เห็นว่า จำนวนคนตายลดลงกว่าหลายปีก่อน แล้วบอกว่าไวรัสตัวนี้ไม่น่ากลัว แนะป้องกันตัวให้ดี โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในที่อับลม มีคนมาก รักษาความสะอาด ไม่แชร์ของกินของใช้กับคนอื่นนอกบ้าน

เมื่อวันที่ 5 ก.ค.67 ผศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก “Thira Woratanarat” ระบุว่า “พฤติกรรมการป้องกันตัวระหว่างใช้ชีวิตประจำวันนั้น มีความสำคัญ

ย้ำว่า อัตราเสียชีวิตของโควิด-19 นั้น สูงกว่าไข้หวัดใหญ่

ที่พยายามเผยแพร่กันว่าจำนวนตายลดลงกว่าหลายปีก่อน แล้วพยายามโยงว่า ไวรัสนี้ไม่น่ากลัวแล้วนั้น โดยแท้จริงแล้วมาจากหลายปัจจัย ไม่ใช่ไวรัสรุนแรงลดลงแต่เพียงอย่างเดียว

แต่มาจากการเข้าถึงยารักษาได้มากขึ้น และการมีภูมิคุ้มกันจากวัคซีนและประวัติเคยติดเชื้อมาก่อน

อย่าหลงกับภาพลวงตาที่นำเสนอเพียงภาพที่ต้องการวาดให้เห็น ให้เชื่อ ให้หลง ปล่อยตัวปล่อยใจ ล่องลอยไปตามลม

หลายหน่วยงานทั่วโลกล้วนออกมาเตือนว่า โควิด-19 นั้น มีแนวโน้มระบาดได้ตลอดทั้งปี เพราะการระบาดหลายปีที่ผ่านมา ชี้ไปในทิศทางเช่นนั้น อันเป็นผลมาจากการกลายพันธุ์ของโควิด-19 ที่รวดเร็วกว่าไข้หวัดใหญ่หลายเท่า และปัจจัยด้านพฤติกรรมการป้องกันตัวและภูมิคุ้มกันที่ลดลง

ยังไม่เป็นไปตามฤดูกาล และยังไม่สามารถทำนายคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของไวรัสได้อย่างแม่นยำ

เพราะสุดท้ายแล้ว ความเสี่ยงของเราแต่ละคน จะขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวของเราเอง

พอติด ก็เสี่ยงป่วย รุนแรง ตาย และภาวะผิดปกติระยะยาวตามมา

ยิ่งไปกว่านั้น ติดแล้วไม่ใช่ป่วยแค่ตัวเรา แต่สร้างความเดือดร้อน ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อคนที่เรารัก คนใกล้ชิดทั้งในบ้าน ที่ทำงาน และในสังคมต่อกันไปแบบโดมิโน่

ข้อปฏิบัติที่ควรทำให้เป็นกิจวัตรคือ ไม่คลุกคลีกับคนที่มีอาการไม่สบาย (symptom awareness) และป้องกันตัวให้ดี โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในที่อับลม มีคนมาก รักษาความสะอาด ไม่แชร์ของกินของใช้กับคนอื่นนอกบ้าน”

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์

เวลาต่อมา ผศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ ยังโพสต์อีกข้อความว่า…“เตือนดังๆ…ปัจจัยหลักที่กำหนดลักษณะการระบาดในปัจจุบันคือ พฤติกรรมของประชาชนในสังคม

พอติดและป่วยแล้ว ย่อมเหลือเพียงการเข้าถึงการตรวจและดูแลรักษา และจัดการป้องกันคนรอบตัว

หากพิจารณาให้ดี สถานการณ์ใช้ชีวิตในปัจจุบันนั้นเป็นไปแบบอิสระ

ประตูพฤติกรรมเสี่ยงเปิดอ้าซ่า…

ประตูการเข้าถึงการตรวจ และดูแลรักษาเป็นไปตามทางที่มีของแต่ละคน…เปิดแคบกว้างต่างกันไป

ประตูการจัดการป้องกันคนรอบตัว…บางคนหยุดงานได้หรือไม่ได้ แยกตัวได้มากได้น้อยหรือไม่ได้ บางคนต้องอยู่อาศัยรวมกับสมาชิกในบ้านที่มีความหลากหลายในการประพฤติปฏิบัติตัว

จึงมีความยากลำบาก…

การจัดการตนเอง ใส่ใจให้ดีสม่ำเสมอ ก็ลดความเสี่ยงลงสำหรับตัวเราและครอบครัว

เสี่ยงมาก โอกาสป่วยสูงขึ้นตามลำดับ และผลลัพธ์ที่จะเผชิญก็จะขึ้นกับประตูสองบานหลังที่เรามี

ผลกระทบ หรือความสูญเสีย…เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว ย้อนกลับไปไม่ได้”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img