วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 24, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWSกรมอุทยานฯเร่งเปิดรับฟังความเห็นปชช.ปมเฉือนที่อุทยานฯทับลาน 2.6แสนไร่
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

กรมอุทยานฯเร่งเปิดรับฟังความเห็นปชช.ปมเฉือนที่อุทยานฯทับลาน 2.6แสนไร่

อธิบดีกรมอุทยานฯ เผย เร่งเปิดรับฟังความเห็นประชาชน-ออนไลน์ ปมเฉือนที่อุทยานฯทับลาน 260,000 ไร่ให้ส.ป.ก. หวังแก้ปัญหาที่ทำกิน แต่ คนไม่มีคุณสมบัติ-รุกที่จะไม่ได้รับการยกเว้น เตรียมสรุปพร้อมรวบรวมความเห็น ภายใน 30 วัน

วันที่ 9 ก.ค.67 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานสัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวถึงกรณีการรับฟังความคิดเห็นประชาชน เพื่อดำเนินการกันพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน จังหวัดนครราชสีมา – ปราจีนบุรี จำนวน 260,000 ไร่ ว่าปัญหาพื้นที่พิพาทในเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน มีมานานกว่า 40 ปีแล้ว เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวก่อนเป็นอุทยานแห่งชาติได้เป็นป่าสงวนมาก่อน และได้มีการจัดพื้นที่ให้ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยได้เข้าไปทำกิน เนื้อที่ประมาณ 58,000 ไร่ แต่หลังจากนั้นได้มีการประกาศ อุทยานแห่งชาติไปทับพื้นที่ในส่วนนี้ด้วย ซึ่งถือเป็นความบกพร่องของ กรมป่าไม้ในอดีต จึงมีการเรียกร้องให้กันพื้นที่ออกจากอุทยาน และมีการสำรวจพื้นที่ใหม่อีกครั้งในปี 2543 แต่กระบวนการดังกล่าวไปไม่ถึงจุดหมาย ซึ่งหลายรัฐบาลที่ผ่านมาพยายามแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้าน และมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายนโยบายที่ดินแห่งชาติ หรือ สคทช. และมีมติให้กันพื้นที่ชุมชน จำนวน 265,000 ไร่ ให้เป็นพื้นที่ของส.ป.ก. และครม.ได้มีมติเห็นชอบในวันที่ 14 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา แต่กรณีบุคคลใดถูกดำเนินคดี ในพื้นที่ดังกล่าว จะไม่ได้รับการยกเว้น

นายอรรถพล กล่าวว่า จากมติดังกล่าวทำให้กรมอุทยานฯต้องมาดำเนินการปรับปรุงแนวเขต แต่จะทำได้ ต้องรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั้งจากในพื้นที่และประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ และจะสิ้นสุดในวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ ก่อนจะรวบรวมเสนอให้คณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ พิจารณาภายใน 30 วัน เพื่อมีมติเสนอต่อ ครม. ต่อไป โดยสิ่งสำคัญจะต้องยึดหลักข้อเท็จจริง ทั้งเรื่องการอยู่อาศัยทำกินและการดูแลรักษาผืนป่า เนื่องจากในจำนวน 265,000 ไร่ มีทั้งคนที่อยู่อาศัยอยู่เดิม จากการจัดสรรพื้นที่ และคนที่มาซื้อต่อเป็นมือที่ 2 มือที่ 3 รวมถึงกลุ่มรีสอร์ทที่ถูกดำเนินคดีกว่า 12,000 ไร่

ส่วนที่หลายคนมองว่ามติครมเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 เป็นการเอื้อนายทุน อธิบดีกรมอุทยานชี้แจงว่า รัฐบาลที่ผ่านมาพยายามแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินทำกินให้กับชาวบ้าน จึงเห็นว่าควรทำให้เป็นที่ดินของรัฐ และส.ป.ก. ก็ถือเป็นที่ดินของรัฐ ดังนั้น ส.ป.ก.จึงต้องเข้ามาพิจารณาตรวจสอบว่า ใครมีสิทธิ์ ในส่วนของกรมอุทยานเองก็จะต้องไปพิจารณาร่วมกันในชั้นของคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติเพื่อเสนอต่อ ครม.ยืนยันว่าบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย ก็ยังจะไม่มีคุณสมบัติถือครองที่ดินอยู่อย่างนั้น เพราะกังวลว่า หากมีการจัดสรรที่ไปแล้ว เกิดผลกระทบเพื่อให้กับนายทุนกลุ่มรีสอร์ทเข้าไปดำเนินการ

ส่วนประชาชนจะต้องได้รับการจัดสรรพื้นที่จำนวนเท่าไหร่ และใครจะได้บ้าง นายอรรถพล ระบุว่า ต้องไปหารือในชั้นคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ เพราะคุณสมบัติแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนอยู่เดิมบางคนมาซื้อขาย เปลี่ยนมือบางคนเข้ามากว้านซื้อ จึงจำเป็นต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติผู้ครอบครองที่ดินของรัฐ

เมื่อถามว่า มติ ครม. ที่ให้ดำเนินการตามแผนที่ที่มีการรังวัดใหม่ในปี 2543 เสียงของประชาชนจะสามารถเปลี่ยนแปลงมติดังกล่าวได้หรือไม่ นายอรรถพล ระบุว่าเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณา และเป็นข้อเสนอของคณะกรรมการอุทยานฯ ซึ่งตอนนี้มีการรับฟังความเห็นทั้งชาวบ้านในพื้นที่ และในโลกออนไลน์ แต่ทุกอย่างต้องไปยุติที่คณะกรรมการอุทยานฯ เพื่อเสนอต่อสคทช. หรือ ครม. หากมีมติ ให้ดำเนินการ ตามแผนที่ปี 2543 กรมอุทยานก็ต้องมาดำเนินการรังวัดเพื่อปรับแผนที่ท้ายกฎหมายใหม่

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img