“หมอธีระ” ย้ำศึกโควิดระบาดนี้ยังอีกยาว ไม่จบเดือนพ.ค.นี้แน่ หลัง WHO ระบุชัด “โควิดติดผ่านทางอากาศได้” โดยเฉพาะห้องภายในอาคารที่อากาศถ่ายเทไม่ดี แนะหน้ากากจำเป็นต้องใส่ตลอดเวลา เจอคนให้น้อยๆ พร้อมหนุนมาตรการล็อกดาวน์ระดับภาคหรือระดับพื้นที่
เมื่อวันที่ 10 พ.ค.64 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่า สถานการณ์ทั่วโลก 10 พฤษภาคม 2564…วันนี้สายๆ จะทะลุ 159 ล้าน โคลอมเบียมีจำนวนติดเชื้อรวมเกินสามล้านคนเป็นประเทศที่ 12 แล้ว สถานการณ์น่าห่วง ติดเพิ่มวันละกว่าหมื่นเจ็ดพันคน ตายเกือบห้าร้อยคน เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มถึง 650,067 คน รวมแล้วตอนนี้ 158,945,630 คน ตายเพิ่มอีก 10,179 คน ยอดตายรวม 3,306,035 คน
5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดคือ อินเดีย บราซิล อเมริกา โคลอมเบีย และตุรกี อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 20,702 คน รวม 33,475,283 คน ตายเพิ่ม 240 คน ยอดเสียชีวิตรวม 595,811 คน อัตราตาย 1.8%, อินเดีย ติดเพิ่มมากถึง 366,499 คน รวม 22,662,410 คน ตายเพิ่ม 3,748 คน ยอดเสียชีวิตรวม 246,146 คน อัตราตาย 1.1%, บราซิล ติดเพิ่ม 34,162 คน รวม 15,184,790 คน ตายเพิ่มถึง 934 คน ยอดเสียชีวิตรวม 422,418 คน อัตราตาย 2.8%, ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 9,128 คน ยอดรวม 5,777,087 คน ตายเพิ่ม 115 คน ยอดเสียชีวิตรวม 106,392 คน อัตราตาย 1.8%, ตุรกี ติดเพิ่ม 15,191 คน รวม 5,031,332 คน ตายเพิ่ม 283 คน ยอดเสียชีวิตรวม 43,029 คน อัตราตาย 0.9%
อันดับ 6-10 เป็น รัสเซีย สหราชอาณาจักร อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลักพัน แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงบังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เนปาล ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น สำหรับญี่ปุ่นนั้น ติดเพิ่มเกือบเจ็ดพันคนต่อวันแล้ว ที่น่าห่วงคือจำนวนคนเสียชีวิตเกินร้อยคนต่อวันติดต่อกันมา 2 วันแล้ว เคยคาดประมาณว่าเค้าจะเข้าช่วงพีคในสัปดาห์ที่ 1-2 ของเดือนพฤษภาคม ทั้งนี้ในระลอกที่สาม ญี่ปุ่นเคยติดเชื้อต่อวันสูงสุด 7,855 คน ณ วันที่ 9 มกราคม 2564 หวังใจว่าจะสามารถควบคุมได้โดยเร็ว
แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง อยู่ระดับหลักร้อยถึงพันกว่า หลายประเทศกดลงมาอยู่หลักร้อย ยกเว้นเบลารุส คาซักสถาน ยูเครน ที่ยังหลักพัน, แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง, เกาหลีใต้ เวียดนาม และกัมพูชา ติดเพิ่มหลักร้อยถึงเกือบพัน ส่วนจีน ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่นิวซีแลนด์ และฮ่องกงติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
…เวียดนามระลอกสี่ตอนนี้ติดเพิ่มมากสุดเท่าที่เคยเป็นมา 102 คน ยอดติดเชื้อรวม 3,332 คน ยอดเสียชีวิตรวม 35 คน…ลาวกำลังเผชิญการระบาดที่หนักหน่วงทีเดียว เริ่มเพิ่มสองหลักต่อวันมาตั้งแต่ช่วง 21 เมษายน 2564 ไปถึงสามหลักในวันที่ 26 เมษายน 2564 ล่าสุดเมื่อวานติดเพิ่ม 69 คน และมีรายงานเสียชีวิตเมื่อวานนี้ 1 คน ยอดรวมตอนนี้ 1,302 คน ยอดเสียชีวิตรวม 1 คน…ส่วนกัมพูชานั้น ครั้งนี้ถือว่าเป็นระลอกแรกของเค้า แค่หนักหน่วงมาก ติดหลายร้อยคนต่อวันตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวาน 520 คน ยอดติดเชื้อรวม 19,237 คน ยอดเสียชีวิตรวม 120 คน
ด้วยสถานการณ์ของไทยในปัจจุบัน ทั้งการระบาดภายในประเทศที่รุนแรง กระจายทั่วไป และยังไม่สามารถควบคุมได้ ผนวกกับการระบาดในประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบ ทั้งกัมพูชา เวียดนาม ลาว เมียนมาร์ และมาเลเซีย คงสามารถพิจารณาได้ว่าวิกฤติ และยากต่อการจัดการ จะจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ…หากมีการเตรียมระบบการตรวจคัดกรองโรคที่มีศักยภาพ ทำได้มาก ครอบคลุม และต่อเนื่อง ในลักษณะที่เข้าถึงบริการได้โดยทั่วทุกคน ดังที่เคยกระตุ้นเตือนมาตั้งแต่ปีที่แล้วก่อนการระบาดระลอกสอง
จะจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ…หากมีอาวุธป้องกันที่ดี มีประสิทธิภาพสูง และปลอดภัย ไม่มีข้อกังขา หลากหลาย ปริมาณมากพอ และเป็นทางหลักที่ไว้ใจได้ และจะลดโอกาสที่จะต้องเผชิญภาวะเช่นนี้…หากมีนโยบายและมาตรการที่เน้นสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนเป็นหลัก ดำเนินการอย่างเคร่งครัดเข้มข้นตั้งแต่ต้น
มองไปข้างหน้า…ขอให้เตรียมใจไว้ว่า ศึกนี้ยาวครับ ไม่ใช่พฤษภาคมแน่นอน ขอให้มีพลังกายพลังใจป้องกันตัวและสมาชิกในครอบครัวอย่างเคร่งครัด…หน้ากากสองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า เจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ติดตัว และจิตใจที่แข็งแกร่งสนับสนุนกันและกัน ขอให้ดูแลน้องๆ ลูกหลาน ให้มีกำลังใจเรียนที่บ้าน หาเรื่องพูดคุย สอนคิดวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ เพราะโอกาสไปที่สถานศึกษาในตอนนี้น่าจะลำบาก
มาตรการล็อคดาวน์ระดับภาคหรือพื้นที่นั้นจำเป็นต้องทำ หากสถานการณ์ระบาดยังเป็นไปเช่นนี้แบบควบคุมไม่ได้ ปัจจัยที่ต้องตัดสินใจทำคือ เงื่อนเวลาที่ระบบสุขภาพจะรับไหว โดยเฉพาะกทม.และปริมณฑล เหลือเวลาอีกไม่มากครับ
ล่าสุด องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้อัพเดตข้อมูลเมื่อปลายเมษายนที่ผ่านมา เน้นย้ำว่า โควิด-19 นั้นติดผ่านทางอากาศได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอยู่ภายในห้องภายในอาคาร ที่อากาศถ่ายเทไม่ดี ดังนั้นใครที่ไปตามที่ต่างๆ หรือไปทำงาน เรื่องหน้ากากนั้นจำเป็นต้องใส่ตลอดเวลา เจอคนน้อยๆ สั้นๆ อยู่ห่างกันเยอะๆ ด้วยรักและห่วงใย