“หมอธีระ” โชว์ผลการศึกษาฉีดวัคซีนไฟเซอร์ใน “เด็กอายุ 12-15 ปี” ที่อเมริกา ได้ผลดี มีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับ “ผู้ใหญ่” ทำให้ US FDA อนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ในเด็กวัยรุ่นแล้ว
เมื่อวันที่ 13 พ.ค.64 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า…สถานการณ์ทั่วโลก 13 พฤษภาคม 2564…ทะลุ 161 ล้านไปแล้ว เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มถึง 750,085 คน รวมแล้วตอนนี้ 161,052,323 คน ตายเพิ่มอีก 13,808 คน ยอดตายรวม 3,344,095 คน 5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดยังคงเป็นเช่นเดิมคือ อินเดีย บราซิล อเมริกา อาร์เจนตินา และฝรั่งเศส
อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 34,297 คน รวม 33,584,617 คน ตายเพิ่ม 808 คน ยอดเสียชีวิตรวม 597,752 คน อัตราตาย 1.8%, อินเดีย ติดเพิ่มมากถึง 362,406 คน รวม 23,702,832 คน ตายเพิ่ม 4,126 คน ยอดเสียชีวิตรวม 258,351 คน อัตราตาย 1.1%, บราซิล ติดเพิ่ม 74,349 คน รวม 15,359,397 คน ตายเพิ่มถึง 2,323 คน ยอดเสียชีวิตรวม 428,034 คน อัตราตาย 2.8%, ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 21,498 คน ยอดรวม 5,821,668 คน ตายเพิ่ม 184 คน ยอดเสียชีวิตรวม 107,119 คน อัตราตาย 1.8%, ตุรกี ติดเพิ่ม 13,029 คน รวม 5,072,462 คน ตายเพิ่ม 232 คน ยอดเสียชีวิตรวม 43,821 คน อัตราตาย 0.9% อันดับ 6-10 เป็น รัสเซีย สหราชอาณาจักร อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลักพัน
ดูข้อมูลการระบาดของรัสเซียแล้วค่อนข้างแปลกใจ แม้จะมีวัคซีนใช้ในประเทศมาแล้วระยะนานพอสมควร ทำให้จำนวนการติดเชื้อต่อวันลดลงไปจากพีคราว 70% แต่จำนวนการตายต่อวันลดลงไม่มากนัก ลดลงจากพีคประมาณ 30% ปัจจุบันตัวเลขติดเชื้อต่อวันอยู่แปดพันกว่า ตายสามร้อยกว่าคนต่อวัน มาอย่างต่อเนื่อง คงต้องลองติดตามดู สำหรับสหราชอาณาจักรนั้น กดการระบาดได้ดีมาก เหตุผลหลักมาจากการ “ล็อคดาวน์” อย่างเข้มข้นและยาวนาน โดยในระหว่างนั้นก็มีการฉีดวัคซีนควบคู่ไปด้วย จะเห็นชัดเจนว่าแม้จะฉีดได้มากขึ้น กว่าเค้าจะผ่อนคลายมาตรการก็นานมาก ดังนั้นจึงต้องเข้าใจให้ดี ไม่งั้นจะเข้าใจผิดทิศผิดทาง ตราบใดที่เกิดการระบาดมากๆ แต่ไม่หยุดการเคลื่อนไหว ไม่หยุดเจอกัน ไม่หยุดพบปะกัน การติดเชื้อก็จะกระจายไปทั่ว การวิเคราะห์และสรุปผลจึงต้องใช้วิจารณญาณและความรู้ที่ถูกต้อง
แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงบังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เนปาล ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น, มาเลเซียตอนนี้ระบาดหนักมากขึ้น ติดเพิ่มถึง 4,765 คน ยอดติดเชื้อรวม 453,222 คน ระลอกสามนี้ต้องติดตามดูว่าจะสามารถยับยั้งให้น้อยกว่าระลอกสองหรือไม่ เค้าเคยติดเชื้อสูงสุด ณ วันที่ 30 มกราคม 2564 ถึง 5,728 คนต่อวัน, แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง อยู่ระดับหลักร้อยถึงพันกว่า หลายประเทศกดลงมาอยู่หลักร้อย ยกเว้นลิธัวเนีย คาซักสถาน ยูเครน ที่ยังหลักพัน, แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง
เกาหลีใต้ และกัมพูชา ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน เวียดนาม และสิงคโปร์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกงติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ…อีกประเทศที่น่าจับตามองคือ มัลดีฟส์ ซึ่งตอนนี้กำลังเผชิญระลอกสี่ ล่าสุดวันที่ 11 พ.ค. ติดเพิ่มไปถึง 1,501 คนในวันเดียว จำนวนติดเชื้อสูงสุดต่อวันในครั้งนี้สูงกว่าระลอกสามถึง 5 เท่า ยอดติดเชื้อรวมตอนนี้ 38,520 คน ยอดเสียชีวิตรวม 87 คน
…ข้อมูลอัพเดตของ วัคซีน Pfizer/Biontech ซึ่งทาง US FDA ได้อนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ในเด็กวัยรุ่นอายุ 12-15 ปีได้แล้ว นั้น สามารถสรุปผลการวิจัยที่เค้านำไปพิจารณามาให้สั้นๆ ดังนี้
1.ฉีดสองเข็ม ห่างกัน 3 สัปดาห์เหมือนผู้ใหญ่ โดยมีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการ หลังฉีดวัคซีนครบสองเข็ม ได้ถึง 100%
2.อาการไม่พึงประสงค์คล้ายคลึงกับในผู้ใหญ่
3.ไม่เจอภาวะ anaphylaxis เลยในกลุ่มเด็กอายุ 12-15 ปี และ 16-25 ปี (ข้อมูลตั้งแต่ 20 พฤศจิกายน 2563 ถึง 13 มีนาคม 2564)
นอกจากนี้ในเอกสารฉบับเต็ม ยังมีการกล่าวถึง ผลการติดตามการฉีดวัคซีนนี้ในอเมริกาไปแล้วกว่า 134 ล้านโดส พบว่าล่าสุดมีอัตราการเกิดการแพ้รุนแรงแบบ anaphylaxis แค่ 0.46 เคสต่อ 1 ล้านโดสที่ฉีด เรื่องนี้เป็นเรื่องน่ายินดี ที่เด็กๆ จะมีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคเฉกเช่นเดียวกับผู้ใหญ่ทุกวัย ซึ่งหากสามารถทำให้ทุกคนทุกเพศทุกวัยเข้าถึงได้ก็ย่อมดีมาก
อัพเดตข้อมูลไว้ประดับความรู้…สำหรับสถานการณ์ระบาดในไทยเรานั้น ยังคงเป็นเช่นเดิม ขอให้มีแรงกายแรงใจในการต่อสู้ สิ่งสำคัญที่ทุกคนควรทำคือ ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด ออกจากบ้าน ขอให้ใส่หน้ากากสองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า พกเจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ติดตัวไว้ล้างมือ ระวังเรื่องสุขาสาธารณะ เจอคนน้อยๆ พบกันเวลาสั้นๆ อยู่กันห่างๆ กลับถึงบ้าน ให้อาบน้ำอาบท่าก่อน อย่าเพิ่งไปคลุกคลีคนในบ้าน หากไม่สบาย ต้องแยกตัวจากคนในบ้าน แล้วรีบไปตรวจรักษา ด้วยรักและห่วงใย
อ้างอิง
Pfizer-BioNTech COVID-19 Vaccine EUA Amendment Review Memorandum. EUA27034 (Amendment 132). 9 April 2021.
เอกสารฉบับเต็มของ US FDA เข้าถึงได้ที่ https://www.fda.gov/media/148542/download