“พิธา” นับถือใจคนเกาหลีใต้ ปกป้องประชาธิปไตย ไทยต้องเรียนรู้ปชช.อยู่เหนือทหาร รับคุยเพื่อน สส. เกาหลีใต้นอนเฝ้ารัฐสภา 2-3 วัน ชมแม้มีแนวคิดทางการเมืองต่างกันแต่ยังอยู่ในระบบเดียวกันได้
วันที่ 8 ธ.ค.2567 ที่จ.อุบลฯ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการถอดบทเรียนจากเหตุการณ์ต่อต้านการประกาศกฎอัยการศึกในประเทศเกาหลีใต้ ว่าประเทศไทยยังคงต้องถอดบทเรียนในอีกหลายเรื่อง แต่บางทีจะเทียบกันตรงๆ ไม่ได้ เพราะเกาหลีใต้เป็นระบบประธานาธิบดี และมีฝ่ายค้านคอยทำงานถ่วงดุล แต่ในระบบของไทยเป็นแบบรัฐสภา จึงอาจจะไม่เหมือนสักทีเดียว แต่สิ่งคล้ายๆ กัน คือ 1.
พลเรือนอยู่เหนือทหารได้ 2.ประชาชนสามารถควบคุมวาระทางสังคมได้ จึงต้องรอดูต่อไปจากการที่อัยการของเกาหลีใต้ถูกควบคุมตัว แล้วทำให้การเมืองเบาลงจริงหรือไม่ หรือจำเป็นจะต้องมีการลาออกของประธานาธิบดี แต่ดูแล้วคงเหมือนไม่อยากให้เกิดการกล่าวหา เพราะจะได้ไม่ต้องมาเลือกตั้งกันใหม่ และนำไปสู่การที่ฝ่ายค้านจะชนะแบบแลนด์สไลค์
“ในทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งใหม่ ในตอนที่ผมอยู่ประเทศเกาหลีใต้ ก็จะแสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าคุณจะคิดแบบอนุรักษ์นิยม หรือเสรีนิยม แต่ไม่มีใครยอมให้ไปไกลถึงขนาดที่ให้ทหารอยู่เหนือพลเรือนแน่นอน และมาต่อสู้กันในระบบ จึงถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม”นายพิธา กล่าว
เมื่อถามว่าการทำงานของ สส.เกาหลีใต้ ที่เข้าไปร่วมกันลงมติยกเลิกกฎอัยการศึกนั้น นายพิธา กล่าวว่า กฎหมายของประเทศเกาหลีใต้สามารถให้ทำได้ แต่ของประเทศไทยจะต้องกลับมาดูกันว่าจะทำอย่างไรให้เป็นลักษณะแบบนั้นที่สามารถโหวตอำนาจของประธานาธิบดีได้ แต่ก็เชื่อว่าเป็นทางเลือกของ สส.เกาหลีใต้ทั้ง 190 คน ปีนรั้วเข้าไปลงมติ หรือที่พยายามป้องกันไม่ให้ทหาร แต่สิ่งที่น่าชื่นชมคือประชาชนขาวเกาหลีใต้ ที่ทำหน้าที่เหมือนเกาะกำบังป้องกันรัฐสภาของเขาไม่ให้ทหารเข้าไปได้ ซึ่งตนได้พูดคุยกับเพื่อน สส. ที่รู้จักกัน ตั้งแต่สมัยยังอยู่พรรคก้าวไกล ก็นอนอยู่ที่รัฐสภา 2-3 วัน เพราะเกรงว่าจะมีการประกาศกฎอื่นซ้ำ ก็ต้องนับถือในความเป็นประชาธิปไตย แม้จะมีแนวคิดทางการเมืองที่แตกต่างกัน แต่ก็ยังอยู่ในระบบประชาธิปไตยอยู่