“แพทย์โลหิตวิทยา” สรุป 6 ข้อ วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ทำให้เกิดหลอดเลือดอุดตัน ย้ำผู้ที่มีโรคประจำตัวสามารถเช้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้
เมื่อวันที่ 25 พ.ค.64 เฟซบุ๊ก The Thai Red Cross Society ได้เผยแพร่ 6 ข้อสรุปวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ทำให้เกิดหลอดเลือดอุดตันจริงหรือไม่ โดยรศ.นพ.นภชาญ เอื้อประเสริฐ สาขาโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้ให้ข้อมูลว่า
1.การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ทุกชนิดไม่ส่งผลต่อการเกิดหลอดเลือดอุดตัน เช่น หลอดเลือดสมองอุดตัน หลอดเลือดหัวใจอุดตัน หลอดเลือดต่ำที่ขาอุดตันและลิ่มเลือดอุดตัน
2.การเกิดภาวะเกล็ดเลือดต่ำร่วมกับหลอดเลือดอุดตัน โดยเฉพาะที่สมอง มีรายงานหลังฉีดวัคซีนของ AstraZoneca หรือ Johnson and Johnson ว่ามีโอกาสเกิดภาวะดังกล่าวขึ้นอยู่ระหว่าง 1 : 100,000 ถึง 1 : 500,000 ซึ่งภาวะนี้สามารถรักษาได้จากการวินิจฉัยและยาที่มีอยู่ในประเทศ
3.ภาวะหลอดเลือดอุดตันภายหลังติดเชื้อโรคโควิด-19 มีความน่ากังวลมากกว่าการฉีดวัคซีน เพราะการติดเชื้อโรคโควิด-19 ส่งผลให้เกิดหลอดเลือดอุดตันสูง ถึง 1 ใน 10 และมักเป็นหลอดเลือดอุดตันที่รุนแรง
4.การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-1 9 ทุกชนิดมีผลข้างเคียงที่แตกต่างกันแต่ผลข้างเคียงที่รุนแรงของวัคซีนแต่ละชนิด มีโอกาสเกิดน้อยกว่า 1 : 100,000 ซึ่งเป็นความสี่ยงที่ต่ำกว่ากาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงจากการติดเชื้อโควิด-19เช่น ปอดอักเสบรุนแรง หลอดเลือดอุดตัน หรือเสียชีวิตนับหมื่นเท่า
5.ความกังวลหลังฉีดวัคซีน Sinovac ที่ว่าฉีดแล้วจะป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์หรือโรคอัมพาต ทางโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้ตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดแล้วไม่พบผู้ที่เกิดหลอดเลือดสมองอุดตันจากการฉีดวัคซีน
6.ปัจจุบันไม่พบหลักฐานว่ามีผู้เสียชีวิตจากการดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยตรงในประเทศสหรัฐอเมริกาพบผู้เสียชีวิตหลังฉีด วัคซีน Pizer หรือ Moderna ประมาณ 1 : 60,000 ซึ่งภายหลังการสอบสวนโรคแล้ว พบว่าอาจเกิดจากโรคประจำตัวของผู้เสียชีวิตมากกว่าเกิดจากการฉีดวัคซีน
คำแนะนำจากแพทย์
ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคมะเร็ง โรคอัมพฤกษ์ โรคอัมพาต โรคหัวใจ โรคปอด โรคตับ โรคไต โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง สามารถเช้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้