“หมอธีระ” ชี้สถิติบ่งชัด ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อจำนวนการตายคือ Active Case ที่ของไทยอยู่ระดับสี่หมื่นกว่าคน ทำให้ติดเชื้อโควิดหลักพัน-ตายเพิ่มหลักสิบต่อเนื่อง ย้ำจุดพลิกผันอยู่ที่การควบคุมการระบาดให้ได้โดยเร็ว เผยข้อมูลวิชาการสะท้อน “กลไกลบริหารจัดการ-มาตรการคุมการระบาด” ดีจริงหรือไม่
เมื่อวันที่ 26 พ.ค.64 เพจศูนย์ข้อมูล COVID-19 โพสต์กราฟฟิกพร้อมเนื้อหาถึงยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันว่า มีผู้ติดเชื้อใหม่ 2,455 ราย จำแนกเป็น ติดเชื้อใหม่ 1,976 ราย และติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 479 ราย หายป่วยกลับบ้าน 2,571 ราย และตั้งแต่ 1 เม.ย.มีผู้ป่วยสะสม 109,031 ราย และเสียชีวิต 41 ราย
ทางด้าน รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “ไทยเราเป็นติดเพิ่มหลักพัน ตายเพิ่มหลักสิบมาอย่างต่อเนื่อง เลยเกิดคำถามในใจขึ้นมาเมื่อเช้าวันนี้ว่า ประเทศอื่นเค้าจะเป็นแบบเดียวกันไหม ลองพลิกดูสถิติของทั่วโลกโดยคร่าว pattern ที่เห็นคือ
…หากติดเพิ่มหลักพันต่อวัน มักจะตายเพิ่มหลักสิบ โดยมีปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อจำนวนการตายคือ จำนวน active case ในระบบ ทั้งนี้หากจำนวน active case ในระบบมีเยอะระดับหลักแสน มักจะทำให้ตายเป็นหลักร้อยต่อวัน แต่หากจำนวน active case ในระบบมีระดับหลักหมื่นน้อยๆ จำนวนการตายต่อวันก็จะน้อยลงตามลำดับ อาจเป็นได้ตั้งแต่หลักหน่วยถึงหลักสิบ
ดังนั้น หากดูจำนวนเคสที่กำลังได้รับการดูแลรักษาของไทยเราตอนนี้อยู่ระดับสี่หมื่นกว่าคน และติดเชื้อเพิ่มหลักพันต่อวัน จำนวนการเสียชีวิตจึงมีแนวโน้มเป็นหลักสิบเช่นนี้ไปอย่างต่อเนื่อง จุดพลิกผันคงอยู่ที่การควบคุมการระบาดให้ได้โดยเร็ว”
รศ.นพ.ธีระ ยังโพสต์ด้วยว่า “หลักฐานข้อมูลวิชาการชี้ให้เห็นชัดเจนว่า กลไกการบริหารจัดการ รวมถึงนโยบายและมาตรการสำหรับสถานการณ์การระบาดตั้งแต่ระลอกที่สอง จนมาถึงระลอกที่สามนั้น ดีจริงหรือไม่…”
