“โรม” ลั่น นั่งคุยกันได้ไหมครับ กำชับ “แอปฯกู้เงิน” ใน “ออปโป้-เรียลมี” ต้องมีคนรับผิดชอบ แนะรัฐบาลเร่งเป็นตัวกลางจัดการ เอาให้ชัดมีผู้เสียหายแล้วหรือยัง บอกมันเกิดแบบนี้ได้อย่างไร ย้ำประชาชนไม่ควรถูกหลอก เผย “ประธานวิปค้าน” สนใจเรื่องนี้ เตรียมเอาเข้า กมธ.แล้ว ถามถ้าไม่ใช่ตัวเจ้าของค่ายมือถือรับผิดชอบ แล้วจะเป็นใคร
เมื่อวันที่ 14 ม.ค.68 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี OPPO (ออปโป้) และ realme (เรียลมี) ติดตั้งแอปพลิเคชันกู้เงินเถื่อน ว่า เรื่องนี้มันมี 2 ส่วน ส่วนที่หนึ่ง ตนคิดว่าเป็นความไม่รับผิดชอบของบริษัทเอกชน เป็นไปได้อย่างไร ตนคิดว่าออปโป้และเรียลมีก็เป็นบริษัทใหญ่ ทำไมถึงปล่อยให้มีแอปพลิเคชันที่สามารถเข้าถึงข้อมูลของประชาชน และนำไปสู่การดูดเงินได้ ตนคิดว่ามันคือสแกมอย่างหนึ่ง เกิดแบบนี้ได้อย่างไร คิดว่าสิ่งที่ภาครัฐจะต้องทำต่อไป คือถามหาความรับผิดชอบ เรื่องนี้ไม่ควรจะจบแค่ความเงียบ ไม่ควรจะจบแค่ตอบว่า ต่อไปนี้ไม่มีอีกแล้วนะ แล้วแอปฯ อื่นมันมีอีกหรือไม่ ยังมีอีก แล้วเรายังค้นไม่เจอหรือไม่ ช่องโหว่ ช่องว่างที่ปล่อยให้เกิดขึ้น จะเป็นบทเรียนอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำอีก
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าภาครัฐจะต้องไปจัดการกับบริษัทเอกชน ซึ่งบริษัทเอกชนต้องมีความลับผิดชอบต่อประชาชน ถ้าเกิดว่าไม่ปลอดภัยจริง ตนคิดว่าต้องมีมาตรการออกมาที่จะทำให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคล ประชาชนจะไม่ถูกหลอกลวงเช่นนี้ เรื่องที่สองคือต้องไปดูว่ามีประชาชนตกเป็นเหยื่อของแอปฯ นี้แล้วหรือยัง ถ้ามีคนตกเป็นเหยื่อแล้ว บริษัทเอกชนต้องรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งภาครัฐจำเป็นต้องชี้แจงและอธิบายกับสังคมว่ามีใครที่ตกเป็นเหยื่อแล้วหรือไม่ ซึ่งต้องเป็นตัวกลางในการจัดการปัญหาเรื่องนี้
เมื่อถามว่า ตอนนี้ยังไม่มีเจ้าภาพรับผิดชอบ ทั้งกระทรวงมหาดไทยหรือกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) นายรังสิมันต์ กล่าวว่า “นั่งคุยกันได้ไหมครับ ผมเข้าใจมันคนละพรรค แต่ก็ต้องทำงานร่วมกัน ผมทราบจากทางประธานวิปฝ่ายค้าน ว่าท่านสนใจในเรื่องนี้อยู่แล้ว ท่านจะเอาเรื่องนี้ เข้ากรรมาธิการ (กมธ.) ที่ท่านนั่งอยู่ คงจะได้มีการพูดคุยกัน”
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ต้องรอให้เอาเข้าที่ประชุม กมธ. สามารถที่จะดำเนินการพูดคุยกันได้เลยว่าใครจะเป็นเจ้าภาพ และมันต้องมีฝั่งของประชาชนที่ได้รับความเสียหาย รวมถึงฝั่งที่จะต้องเคลียร์กับบริษัทเอกชน ตนเข้าใจว่าบริษัทเอกชนดังกล่าวนั้นยังมีแบรนด์อื่นอีกด้วย ต้องไปดูว่ามีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่ในทำนองนี้ เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าปลอดภัย ตนไม่แน่ใจว่าพี่น้องนักข่าวใช้มือถือรุ่นไหนกันบ้าง แต่ตนคิดว่าเราก็จะเห็น ว่าบางทีมือถือเราทำไมเปิดแล้วมีโฆษณายิงเข้ามา มันเป็นเรื่องประหลาดมากที่เหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้มันเกิดขึ้นได้ ข้อมูลส่วนบุคคลของเรามันควรได้รับการปกป้อง ดังนั้น ผมคิดว่าควรจะใช้โอกาสนี้ในการไปไล่ดูเหมือนกันว่ามียี่ห้ออื่นอีกหรือไม่ที่มีพฤติกรรมแบบเดียวกัน
เมื่อถามว่า แอปฯนี้ถูกติดตั้งจากโรงงานที่ประเทศจีน จะทำให้บริษัทในไทยไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่น่าใช่ ติดตั้งจากโรงงานโรงงานใคร แล้ว ROM (รอม) ตนเข้าใจว่าเป็นรอมของออปโป้หรือเรียลมี โดยหลักต้องมีการปกป้องความปลอดภัย หากเป็นของคุณ
“คุณสร้างขึ้นมา แล้วคุณเอามาขายประชาชน แล้วมีแอปพลิเคชันขึ้นมาแบบนี้ คุณต้องรับผิดชอบ คุณจะมาโยนว่าเป็นคนอื่นไม่ได้ คือเรื่องนี้ถึงที่สุดมันต้องมีใครสักคนรับผิดชอบ ถ้าไม่ใช่ตัวเจ้าของค่ายมือถือ แล้วจะเป็นใคร” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ ระบุว่า เขามีตัวแทนจากบริษัทแม่ เมื่อมาขายของในประเทศไทยก็ต้องสร้างความปลอดภัยให้กับประเทศไทย ตนยังไม่อยากรีบเสนอมาตรการในเร็วๆ นี้ แต่คิดว่าถ้าเป็นประเทศอื่นที่มันเจริญแล้ว เราจะไม่เจอเหตุการณ์นี้ ดังนั้นตนคิดว่าสิ่งที่ต้องทำก็คือให้กำลังใจเจ้าหน้าที่รัฐ รีบหาเจ้าภาพ รีบคุยกันให้รู้เรื่อง และจัดการกับเรื่องนี้ หาความรับผิดชอบ ที่สำคัญคือจะได้เป็นมาตรการ มาตรฐานเอาไว้ ถ้าเราทำเรื่องนี้ดี มันก็จะเป็นเยี่ยงอย่างให้ค่ายอื่นเขาให้ความสำคัญกับข้อมูลส่วนบุคคล
