“สว.”ตั้งกระทู้บี้“นายกฯ”ปมอากาศสะอาด ถามเหน็บ“จะเป็นวาระแห่งชาติชาติไหน”

“สว.”ตั้งกระทู้ถาม “นายกฯอิ๊งค์” ย้อนคำพูดสมัยหาเสียง “อากาศสะอาดคือพื้นฐานของชีวิตคนไทย” ถามจะเป็นวาระแห่งชาติชาติไหน! เปิดภาพฝุ่นท่วมเมืองกรุง-เด็กเลือดกำเดาไหล เหน็บถ้าเกิดกับลูกผู้มีอำนาจคงแก้ปัญหาเลยทันที บอกนโยบาย “รถไฟฟ้าฟรี” ทำคนออกจากบ้าน กลับกลายเป็นเสี่ยงมากขึ้น ชี้ ยังไม่เห็นผลออกมาคนใช้รถยนต์น้อยลง ด้านนายกรัฐมนตรีส่ง “เฉลิมชัย” แจงแทน ยัน รบ.ไม่นิ่งนอนใจ ดำเนินการเชิงรุกตั้งแต่ พ.ย.ปีที่แล้ว รับมีปัจจัยคุมไม่ได้จากการเผาของประเทศเพื่อนบ้าน-อากาศปิด เป็น “ฝาชีครอบ”

วันที่ 27 ม.ค.2568 เวลา 11.40 น. ที่รัฐสภา มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดของนายสุนทร พฤกษพิพัฒน์ สว. ที่สอบถามนายกรัฐมนตรี ถึงแนวทางแก้ปัญหาวิกฤติฝุ่น PM2.5ว่า การยกระดับแก้ปัญหาฝุ่นเป็นวาระแห่งชาติ ไม่แน่ใจว่า เป็นชาติไหน นอกจากฝุ่นจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชน ยังกระทบต่อเศรษฐกิจ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)ระบุถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจจากฝุ่นแต่ละปีมากกว่า 4แสนล้านบาท ถึงปัจจุบันสร้างความเสียหายไปแล้วเป็นล้านล้านบาท รัฐบาลมีแนวทางแก้ปัญหาระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวอย่างไรบ้าง การแก้ปัญหาโดยวิธีให้ขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้าฟรี ใช้เงิน 140ล้านบาท แก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ เพราะมีประชาชนออกจากบ้านมาใช้รถไฟฟ้าจำนวนมาก เป็นอันตรายต่อสุขภาพขึ้นไปอีก แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ลดการใช้รถยนต์ได้หรือไม่

“คุณแพทองธาร ก็บอกว่าเพราะอากาศสะอาดคือพื้นฐานของชีวิตคนไทย ดิฉันกล้าที่จะตัดสินใจเข้าไปปุ๊บจะทำทันที แล้วมันก็ออกมาเป็นอย่างนี้ ทุกคนคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาอากาศของกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมันแย่มากๆ ทั้งที่เรื่องฝุ่น เป็นวาระแห่งชาติมาตั้งแต่ปี 2562 มีแผนยุทธศาสตร์ต่างๆต่อเนื่องมาจนถึงปี 2567 แต่ดูเหมือนปี 2568 จะยังไม่มีแผนอะไรออกมา ผมก็ไม่เข้าใจว่าวาระแห่งชาติมันเป็นชาติไหน หรือยังไง ผมไอยากใช้ข้อมูลตัวเลขอะไรมากมาย ที่มีทั้งในโซเชียลและการประชุมวิชาการต่างๆ ว่าฝุ่นพิษมันทำอันตรายชีวิตของประชาชนขนาดไหน นอกจากนั้น มันยังทำความเสียหายให้กับเศรษฐกิจไทยอย่างยิ่ง ซึ่งสภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติเคยคิดตัวเลขคร่าวๆไว้ว่ามากกว่า 4 แสนล้านบาท ถ้าคิดความเสียหายมาถึงปัจจุบัน มันน่าจะถึงล้านล้านบาทแล้ว”นายสุนทร กล่าว

นายสุนทร เปิดภาพฝุ่นในพื้นที่ กทม. เด็กอนุบาลเลือดกำเดาไหลไม่หยุด พร้อมตั้งคำถามว่า เราอยู่เมืองในหมอกหรืออย่างไร ซึ่งมันเกินกว่าที่เราจะพูดไปแล้วว่ามันเป็นอย่างไร ตนทนไม่ไหวจริงๆ เราจะแก้ปัญหานี้กันอย่างไร ถ้าคนในภาพเป็นลูกหลานของผู้มีอำนาจ ผู้บริหารประเทศ ตนเชื่อว่าท่านจะแก้ทันทีเลย และทำอย่างจริงจังด้วย แน่นอน การแก้ปัญหาฝุ่นมันไม่ใช่ดีดนิ้วแล้วจะแก้ได้ ท่านพูดถูก แต่ท่านทำอย่างไร ถ้าบุตรหลานของท่านมีเลือดกำเดาไหล แต่ตนก็รู้ว่าไม่มีทางเกิดขึ้นจริง เพราะลูกหลานของผู้มีอำนาจก็อยู่สุขสบาย เรียนในห้องปลอดฝุ่น แต่มันเกิดกับประชาชนจริงๆ จึงอยากถามนายกรัฐมนตรี รัฐบาล จะแก้ไขอย่างไร อยากให้เรียนมาเป็นข้อๆเลย ว่าในระยะสั้น กลาง ยาวเป็นอย่างไร และจากที่ท่านแก้ไปแล้ว ผลออกมาเป็นอย่างไร

จากนั้น นายเฉลิมชัย ชี้แจงว่า ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ท่านนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ได้มีการดำเนินการตั้งคณะอำนวยการการจัดการเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศขึ้นมา ตั้งแต่มีคำสั่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2567 เรามีการดำเนินการแบบเป็นรูปธรรมที่มีผู้รับผิดชอบชัดเจน แต่มาตรการในการดำเนินการต่างๆที่ผ่านมา หน่วยงานของรัฐบาลที่มีความรับผิดชอบในแต่ละภาคส่วนก็ได้ดำเนินการแก้ไขในส่วนรับผิดชอบ มีหลายหน่วยงาน เป็น 10 หน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้ตั้งคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมามี 3 ระดับ ได้แก่ระดับประเทศ , ระดับเขตหรือระดับภาค และระดับจังหวัด ในระดับประเทศได้มีการตั้งคณะกรรมการโดยมีการมอบหมายนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงทรัพยากรฯ ดูแล สุ่มในระดับภาค มีการตั้งศูนย์แก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน โดยมีแม่ทัพภาคที่รับผิดชอบเป็นผู้อำนวยการ และในระดับจังหวัด ได้มีการตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อำนวยการศูนย์ เป็นการดำเนินการเชิงรุกที่รัฐบาลตั้งใจที่จะแก้ปัญหาเรื่องฝุ่นควันพิษ หลังจากนั้นได้มีการดำเนินการในส่วนของกระทรวงทรัพยากรฯ เรารับมอบนโยบายตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. เลย

นายเฉลิมชัย กล่าวว่า วันที่ 29 พ.ย. ก็ได้มีการประชุมนอกรอบที่จังหวัดเชียงใหม่ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายนโยบายความชัดเจนเรื่องนโยบาย โดยไปเปิดศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าและหมอกควันที่จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้น นายประเสริฐ ก็ได้เรียกประชุมย้ำอีกครั้งหนึ่ง ถือเป็นกระบวนการที่ดำเนินการ ก่อนไปประชุมที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส นายกรัฐมนตรีก็ได้มอบนโยบายให้ทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบต้องดำเนินการ และยกเป็นวาระแห่งชาติอีกครั้งหนึ่ง

“สิ่งหนึ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้คือการเผาจากประเทศเพื่อนบ้าน และทิศทางลมที่พัดเข้ามา และสิ่งสุดท้ายก็คือสภาพอากาศปิด ถ้าท่านนั่งฮอร์ขึ้นไปดูข้างบนจะเห็นเลยว่าเป็นฝาชีครอบ โดยกรมฝนหลวงก็พยายามใช้น้ำแข็งแห้งไปโปรย เพื่อจะระเบิดเปิดช่องให้อากาศมันสามารถถ่ายเทขึ้นข้างบนได้ ถ้าท่านติดตามการพยากรณ์อากาศ ท่านจะเห็นว่าวันนี้ความกดอากาศสูงจากประเทศจีนเข้าสู่ภาคอีสาน อากาศจะเย็นลง 2-5 องศา ทั่วประเทศ สภาพอากาศแบบนี้ ลมจะช่วยพัดพาย้อนกลับไป เพราะฉะนั้น ภายในอาทิตย์นี้สภาวะภายในกรุงเทพมหานครจะกลับมาสู่สภาวะที่ดีขึ้น มันเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันอย่างหนึ่งว่าฝุ่นที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมาจากประเทศเพื่อนบ้านและทิศทางลมที่พัด การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ตอนนี้เรากำลังทำ หลายท่านสงสัยว่าทำไมเราไม่เก็บค่าโดยสาร มันเป็นการถามเพื่อสร้างภาพหรือไม่ ผมเรียนยืนยันว่ามันเป็นมาตรการที่เราได้นำเสนอมาตั้งแต่ต้น ว่าถ้าจะแก้ไขปัญหาฝุ่นควันในกรุงเทพฯ เราต้องเอาปัจจัยทั้งหมดมา ปัจจัยหนึ่งอาจจะมีผล 3% 5% 10% 20% แต่ทุกปัจจัยคือสิ่งที่ทำให้เกิดมลพิษทั้งหมด ถ้าจะแก้ต้องแก้ทุกปัจจัยพร้อมกัน” นายเฉลิมชัย กล่าว และว่าโชคดีที่ลมเปลี่ยนทิศ มันเลยกลายเป็นว่าเราเห็นได้ชัดว่าปัจจัยภายนอกมีผลสำคัญไม่น้อยไปกว่าปัจจัยภายใน สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น มันเป็นวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้ การหมดไปคงจะยาก แต่ทำอย่างไรให้มันอยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจพยายามหามาตรการทุกอย่าง และขอความร่วมมือทุกภาคส่วน

จากนั้นมานายสุนทร กล่าวว่า ขอบคุณนายเฉลิมชัย ตนก็เพิ่งทราบว่ามีการตั้งคณะทำงานตั้งแต่เดือน พ.ย. 2567 และยกเป็นวาระแห่งชาติขึ้นมาอีก ทั้งที่เป็นวาระแห่งชาติมาตั้งแต่ชาตินั้นแล้ว เรื่องรถไฟฟ้าฟรี ตอนแรกก็คิดว่าอย่างน้อยก็ดีรัฐบาลพยายามทำอะไรขึ้นมาแต่ขอใช้เวลาคิดสัก 3 วินาที มันก็จะรู้สึกว่าแก้ได้หรือไม่ 140 ล้าน ที่เอาไปใช้มันใช่ไหมประเทศเล็กกว่าเกาะภูเก็ตยังสามารถแก้ปัญหาได้ รัฐบาลเขาบีบบังคับบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศตนเองให้จำกัดการเผากลับมาที่บ้านเรา ตนตกใจที่ได้ยินคำว่าอ้อยไฟไหม้ตกใจ เรามีการยอมรับว่ามีอ้อยไฟไหม้เลยถึงขนาดตั้งชื่อเลย ทำไมเราไม่กำจัดมันเลย ทั้งนี้ นโยบายรถไฟฟ้าฟรี กลับกลายเป็นว่าคนออกจากบ้านมากขึ้นมาอีก แต่ผลมันก็ไม่ได้บอกว่าคนใช้รถยนต์น้อยลง กลายเป็นประชาชนมารับอันตรายมากขึ้นหรือไม่ จึงอยากฝากทางรัฐบาล ให้คิดให้รอบคอบ ให้เอาจริงดังนั้นเป็นไปได้หรือไม่ว่าคณะทำงานขอให้ท่านนายกฯเป็นประธาน เพราะท่านนายกฯเป็นคนที่เอาจริงที่สุดแล้วแล้วก็ และขอให้เพิ่มตัวแทนจากประชาชนได้หรือไม่ รวมถึง สส.ฝ่ายค้าน ถ้าเป็นไปได้ขอให้ สว.เรา เข้าไปร่วมด้วยได้หรือไม่” นายสุนทร กล่าว

ทำให้นายเฉลิมชัย ลุกขึ้นกล่าวว่า เวลามันน้อยจนไม่สามารถอธิบายรายละเอียดได้ แต่รัฐบาลพยายามหามาตรการเพื่อลดผลกระทบ เวลาคนเกิดอุบัติเหตุ ต้องได้รับการรักษาทางวิทยาศาสตร์ แต่ถึงอย่างนั้นเขายังต้องไปบนบานด้วยไสยศาสตร์เลย ดังนั้นการแก้ไขปัญหามลพิษ มันมีหลายส่วน มันไม่สามารถลดได้ 100% แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของมลพิษ

“น้ำแก้วหนึ่งที่ออกไป 1 หยด มันก็ไม่เต็มแก้วแล้ว เพราะฉะนั้น ปัญหาทุกอย่างผมเห็นว่ารัฐบาลรับฟังและเราพยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น สิ่งที่ท่านได้เสนอมา ตอนนี้รัฐบาลก็ฟังอยู่ทั้งหมด แต่เรียนว่า เราดำเนินการอย่างเต็มที่ เราไม่ต้องการเห็นพี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบ”