ภาคประชาชนอัดยับ ประเทศนี้ไม่ใช่ของนักการเมือง ล่า 5 หมื่นชื่อค้านกาสิโน ต้องประชามติ ซัดเป็นการย้อนแย้งในการแสดงบทบาทหน้าที่ของรัฐ เพราะรัฐพึงเป็นผู้ควบคุมการพนัน ทำกฎหมายควบคุมให้แข็งแรง
เมื่อวันที่ 30 ม.ค. รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล นักวิชาการทางเศรษฐศาสตร์ กล่าวตอนหนึ่งในงานแถลงข่าวประชาชนแถลงเดินหน้าล่า 50,000 ชื่อ “ไม่เอากาสิโน ต้องประชามติ” ซึ่งจัดขึ้นเมือวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า การจะตั้งเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กที่มีคาสิโนด้วยนั้นจำเป็นต้องมีการทำประชามติก่อนเนื่องจาก ในการเลือกตั้งปี 2566 ไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลพรรคใดชูนโยบายกาสิโน หรือพนันออนไลน์ถูกกฎหมายในการหาเสียง และ ตามพ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญ กำหนดให้ทุกพรรคการเมืองจะต้องรายงานนโยบายที่ต้องใช้งบประมาณต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต. ) ซึ่งปรากฎว่าไม่มีพรรคใดการรายงานเรื่องนี้
ดังนั้น การเห็นชอบให้มีกาสิโนและพนันออนไลน์ถูกกฎหมายจึงเป็นการแสดงถึงความไม่ซื่อสัตย์ต่อประชาชน ไม่เคารพเสียงของประชานที่เลือกท่านมา นโยบายนี้จึงผิดต่อหลักนิติรัฐนิติธรรม รัฐบาลต้องยกเลิกแม้ได้อนุมัติหลักการไปแล้วก็ตาม แต่หากรัฐบาลต้องการจะเดินหน้าต่อนโยบายนี้เกี่ยวข้องกับอบายมุข ซึ่งสามารถก่อให้เกิดผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างรุนแรงต่อประเทศชาติและประชาชน รัฐบาลจำเป็นต้องให้ประชาชนร่วมตัดสินใจ ถึงแม้การทำประชามติอาจต้องใช้งบประมาณมากกว่า 3 พันล้าน แต่ก็คุ้มค่า เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นจากกาสิโนจะมีมากกว่าหลายเท่า
นางณัฐฐารินทร์ เกษมสารพิพัฒน์ หรือ “เอ๋ ออกซิเจนคนจน” กล่าวว่า ประเทศนี้ไม่ใช่ประเทศของนักการเมือง ที่ผ่านมาไม่เคยพูดในนโยบายการหาเสียง และไม่เคยถามประชาชนว่าต้องการหรือไม่ ที่อ้างว่าว่าประชาพิจารณ์แล้ว ได้รับฟังจากคน 4 พันกว่าคนแล้ว ก็อยากถามกลับว่า ดำเนินการเรื่องนี้ไปเมื่อไหร่ เหตุมดชาวบ้านไม่รู้เรื่องนี้ และที่รัฐมนตรีคนหนึ่งออกมาพูดว่า ไม่จำเป็นต้องจัดการรับฟังความเห็นประชาชนอีก ถือเป็นคำพูดเหยียบประชาชน เป็นนักการเมืองที่ไม่เห็นหัวประชาชน ทั้งนี้ ตนขอเป็นเสียงให้กับประชาชนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ต้องการเรื่องนี้ เราไม่ต้องการให้มอมเมาคนรุ่นลูก รุ่นหลานที่กำลังเติบโต และถูกทำร้ายจากนโยบายนี้ จนอนาคตเสี่ยงตีหัว บีบคอ ทำร้ายพ่อแม่
“ประเทศนี้ไม่ใช่ของนักการเมือง แต่เป็นของประชาชนทุกคน ที่ผ่านมาบรรพบุรุษของเราไม่มีใครเอากาสิโน ถ้ารัฐบาลอยากให้มีก็ต้องให้ประชาชนมีสิทธิเลือก ประเทศไทยมีสิ่งดีๆ มากมายที่รัฐจะใช้ในการพัฒนาประเทศโดยไม่ต้องใช้กาสิโน ฉะนั้น เรื่องนี้ต้องมีประชามติให้ประชาชนตัดสินใจ หากเสียงประชามติที่ไม่เห็นด้วยกับการมีกาสิโนออกมามีน้อยกว่าฝ่ายที่เห็นด้วย เราก็จะยอมรับ” กล่าว
นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า การขอทำประชามติโดยประชาชนเป็นสิ่งที่ทำได้ ตามพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 ให้สิทธิประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถรวบรวม 50,000 รายชื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้จัดทำประชามติ เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายของประชาชนที่รัฐบาลจะปฏิเสธไม่ได้ หัวเรื่องการขอทำประชามติ คือ “ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่กับการเพิ่มแหล่งพนันในสังคมโดยนโยบายรัฐบาล” ซึ่งครอบคลุมทั้งกาสิโน พนันออนไลน์ หรืออื่น ๆ สุดแท้แต่ที่ผู้กำหนดนโยบายอาจมีความปรารถนาจะใช้อำนาจทางการเมืองผลักดันให้เกิดในอนาคต เพราะการจะเพิ่มแหล่งพนันโดยใช้นโยบายรัฐบาลเป็นเครื่องมือ ไม่ว่าจะโดยการบัญญัติกฎหมายฉบับใหม่ การแก้กฎหมายฉบับเดิม หรือการออกเป็นกฎหมายระดับรอง เป็นการย้อนแย้งในการแสดงบทบาทหน้าที่ของรัฐ เพราะรัฐพึงเป็นผู้ควบคุมการพนัน ทำกฎหมายควบคุมให้แข็งแรง บนหลักการ “ทำกฎหมายให้ใหญ่ จำกัดพนันให้เล็ก” มากกว่าเป็นผู้ส่งเสริมสนับสนุนและกลับกลายเป็นผู้เพิ่มเติมอบายมุขในสังคมด้วยตนเอง
นายธนากร กล่าวต่อว่า คุณสมบัติของผู้มีสิทธิเป็น 50,000 ชื่อเพื่อเสนอให้ครม.จัดทำประชามติ คือ มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งเกินกว่า 90 วัน ไม่เป็นนักบวช ไม่เป็นผู้ต้องคดีผู้ต้องขัง ไม่เป็นผู้วิกลจริต วิธีการมีส่วนร่วมเป็น 50,000 รายชื่อ ทำได้โดย 1. ดาวน์โหลดแบบฟอร์มการลงชื่อที่เว็บไซต์ของมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน หรือจากภาคีเครือข่ายกว่า 200 องค์กรที่กระจายอยู่ในทุกจังหวัด 2.กรอกชื่อ นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก และลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มดังกล่าว ทั้งนี้ไม่สามารถกระทำทางออนไลน์ได้ 3. เสร็จแล้วส่งไปรษณีย์มายังมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน หรือองค์กรเครือข่ายในจังหวัด 4. เมื่อได้รายชื่อได้ครบ 50,000 แล้วจึงนำส่งให้กกต.ตรวจสอบความถูกต้องภายใน 30 วัน จากนั้นกกต.จะส่งเรื่องต่อสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอต่อครม.เพื่อกำหนดวันลงประชามติต่อไป
“ปฏิบัติการครั้งนี้อาจมีเวลาไม่มาก จึงต้องการความร่วมมืออย่างยิ่งจากประชาชน เพื่อแสดงให้รัฐบาลเห็นว่าเสียงของประชาชนคือเสียงที่จะปฏิเสธไม่ได้ และปรารถนาเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อประชาชนขอใช้สิทธิ์ รัฐบาลต้องเคารพ และคงไม่มีการใช้อำนาจโดยมิชอบใด ๆ เพื่อสร้างอุปสรรคต่อการแสดงสิทธิ์ที่ประชาชนร้องขอในครั้งนี้” นายธนากรกล่าว.