ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ลงนามคำสั่งเก็บภาษีจีนเพิ่มเป็น 20% จากเดิมที่เรียกเก็บ 10% ไปแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นาน เจ้าหน้าทีทำเนียบขาวยืนยันว่า สหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีจากแคนาดา และเม็กซิโก ในอัตรา 25% ซึ่งมีผลในวันอังคารหรือวันนี้
สำนักข่าวต่างประเทศระบุว่า เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวแจ้งว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ ลงนามในคำสั่งเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนแบบครอบคลุมเพิ่ม 2 เท่า เป็น 20% หลังจากเก็บรอบแรกไป 10% เมื่อ 4 กุมภาพันธ์ โดยจะมีผลหลังเที่ยงคืน หรือหลังเวลา 00.00 น. ในวันที่ 4 มีนาคม ตามเวลาสหรัฐฯ เนื่องจากจีนไม่ได้ดำเนินการอย่างเพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาการหลั่งไหลของเฟนทานิล ซึ่งเป็นสารตั้งต้นยาเสพติดเข้าสหรัฐฯ ทั้งสามประเทศประกาศลั่น ว่าจะตอบโต้สหรัฐฯ เรื่องการขึ้นภาษีดังกล่าว ซึ่งจะทำให้สงครามการค้าขยายวงกว้างขึ้น
ด้านกระทรวงพาณิชย์ของจีนได้ประกาศจะตอบโต้ภาษีใหม่ของสหรัฐฯ โดยกล่าวหาว่า รัฐบาลทรัมป์พยายาม “โยนความผิด” และ “กลั่นแกล้ง” ปักกิ่ง เรื่องกระแสการค้าเฟนทานิล
ในแถลงการณ์ กระทรวงพาณิชย์จีน ยังเรียกร้องให้สหรัฐฯ “ถอนภาษีทันที” โดยระบุว่า “ไม่สมเหตุสมผลและไร้เหตุผล เป็นอันตรายต่อผู้อื่น”
ขณะที่สำนักข่าวโกลบอลไทมส์ ของทางการจีน รายงานเมื่อวันจันทร์ว่า จีนอาจกำหนดเป้าหมาย ‘ขึ้นภาษี’ ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและอาหารของสหรัฐฯ ทั้งมาตรการภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ผู้บริโภคชาวอเมริกันอาจต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นสำหรับสินค้าบางประเภท
ด้านนายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโด ของแคนาดา ตอบว่า “แคนาดาจะไม่ปล่อยให้การตัดสินใจที่ไม่ยุติธรรมนี้ ไม่มีคำตอบ”
เมลานี โจลี รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดา กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า แคนาดาเตรียมเรียกเก็บภาษีตอบโต้สินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ มูลค่า 155,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (107,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 84,000 ล้านปอนด์) โดยภาษีส่วนแรก 30,000 ล้านดอลลาร์ จะเรียกเก็บจากสินค้าในชีวิตประจำวัน เช่น พาสต้า เสื้อผ้า และน้ำหอม ในทันที
เมลานี ยังกล่าวอีกว่า ภาษีดังกล่าวเป็น “ภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของสหรัฐฯ” โดย “ตำแหน่งงานหลายพันตำแหน่งในแคนาดาตกอยู่ในความเสี่ยง”
ขณะที่ทางเม็กซิโก ระบุว่า จะตอบโต้ภาษีของสหรัฐฯ ส่งผลให้มีแนวโน้มที่จะเกิดสงครามการค้าที่กว้างยิ่งขึ้น