“หมอสุรัตน์” เตือนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองตุ๊บๆ อย่าปล่อยผ่านเป็นสัญญาณของโรคร้ายอันตรายถึงชีวิต แนะรีบตรวจให้ชัวร์ดีกว่า
เมื่อวันที่ 9 มี.ค.68 ผศ.นพ.สุรัตน์ ตันประเวช แพทย์เวชปฏิบัติทางประสาทวิทยาที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษด้านสมองและความผิดปกติทางประสาทวิทยา ได้โพสต์ข้อความลงในเพจ สาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์ เพื่อให้ความรู้ด้านสุขภาพ ว่า
คนไข้: หมอ ผมได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง ตุ๊บๆ เลย คงจะมีความรัก
หมอ: เวรละ นั่นมันสัญญาณโรคหลอดเลือดสมอง ที่เส้นเลือดเชื่อมกัน Arterio Venous Fistular (AVM) รีบไปฉีดสี เส้นเลือดสมอง
1 สัปดาห์ กลับมา
ภาพฉายรังสีเส้นเลือด มีการเชื่อม เส้นเลือดแดงและดำ เลยรีบส่ง ให้หมอตั้ม ไปอุดเส้นเลือด
เอ้อ ได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง จะเสี่ยงตายน่อ
มาคุยเรื่อง ได้ยินเสียงหัวใจ ในหูดีกว่า
ฟู่ ๆ ตุ้บๆ อันตราย
คนปกติ เราไม่ได้ ยิน แต่หากได้ยิน เราเรียก pulsatile tinnitus อันตราย รีบไปตรวจ
Pulsatile Tinnitus คืออาการที่ได้ยินเสียงในหูเป็นจังหวะ ๆ มักจะสอดคล้องกับจังหวะการเต้นของหัวใจ (เหมือนได้ยินเสียงหัวใจเต้น ตุ้บ ๆ หรือฟู่ ๆ ในหู) ซึ่งแตกต่างจากหูอื้อทั่วไป (Tinnitus) ที่มักเป็นเสียงวี๊ง ๆ หรือจี๊ด ๆ คงที่ ไม่มีจังหวะ Pulsatile Tinnitus เกิดจากความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณใกล้หู คอ หรือสมอง
สาเหตุของ Pulsatile Tinnitus มันเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ไม่ร้ายแรงไปจนถึงอันตราย ซึ่งหลัก ๆ แบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้:
1. ปัญหาเกี่ยวกับเส้นเลือด (Vascular Causes)
• Arteriovenous Malformation (AVM): การเชื่อมต่อผิดปกติระหว่างเส้นเลือดแดงและเส้นเลือดดำ ทำให้เลือดไหลแรงผิดปกติและเกิดเสียง
• Carotid Artery Stenosis: เส้นเลือดแดงใหญ่ที่คอตีบ ทำให้เกิดการไหลของเลือดที่ปั่นป่วน (turbulent flow) สร้างเสียงได้
• Aneurysm: เส้นเลือดโป่งพอง อาจอยู่ในสมองหรือใกล้หู
• Venous Hum: เส้นเลือดดำใกล้หู (เช่น jugular vein) ไหลแรงเกินไป มักพบในคนที่เป็นโรคโลหิตจางหรือมีความดันในกะโหลกสูง
• Dural Arteriovenous Fistula (DAVF): การเชื่อมต่อผิดปกติระหว่างเส้นเลือดในเยื่อหุ้มสมอง
2. ความดันในกะโหลกสูง (Increased Intracranial Pressure)
• เช่นในภาวะ Idiopathic Intracranial Hypertension (IIH) ซึ่งมักพบในคนอ้วนหรือผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ อาจทำให้ได้ยินเสียงฟู่ ๆ ในหู
3. ปัญหาที่หูหรือโครงสร้างรอบ ๆ หู
• Glomus Tumor: เนื้องอกของเส้นเลือดที่หูชั้นกลางหรือรอบ ๆ หู ซึ่งมีเลือดไหลผ่านเยอะ
• Middle Ear Effusion: มีของเหลวในหูชั้นกลาง ทำให้ได้ยินเสียงการไหลของเลือดชัดขึ้น
4. สาเหตุอื่น ๆ
• โลหิตจาง (Anemia): ทำให้เลือดไหลเร็วขึ้นเพื่อชดเชยออกซิเจนที่ขาด
• ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกิน (Hyperthyroidism): เพิ่มการไหลเวียนของเลือดทั่วร่างกาย
• ความเครียดหรือความดันโลหิตสูง: อาจทำให้รับรู้เสียงการไหลเวียนเลือดมากขึ้น
อาการ
• ได้ยินเสียงในหูเป็นจังหวะ ๆ (มักดังขึ้นตอนอยู่ในที่เงียบ ๆ หรือตอนนอน)
• เสียงอาจดังข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง
• บางคนอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดหัว มองเห็นภาพซ้อน หูอื้อ หรือเวียนศีรษะ

อันตรายหรือไม่?
• ถ้าเป็นแค่กรณีที่ไม่ร้ายแรง เช่น venous hum จากความเครียดหรือโลหิตจางเล็กน้อย อาจไม่ถึงกับอันตราย แต่ก็ควรแก้ไขสาเหตุ
• แต่ถ้าเกิดจากปัญหาเส้นเลือดในสมอง เช่น AVM หรือ aneurysm อันนี้อาจเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกในสมอง หรือเส้นเลือดสมองตีบได้ ถือว่าอันตราย ต้องรีบตรวจและรักษา ทำ MRA ดูเส้นเลือดสมอง
การรักษา
ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่พบ เช่น
• ถ้าเป็น โลหิตจาง หรือ ไทรอยด์ทำงานมากเกิน: รักษาภาวะนั้น เช่น ให้ธาตุเหล็ก หรือยาควบคุมไทรอยด์
• ถ้าเป็น AVM หรือ Aneurysm: อาจต้องทำหัตถการ เช่น อุดเส้นเลือด (Embolization) หรือผ่าตัด
• ถ้าเป็น Venous Hum จากความดันในกะโหลกสูง: อาจต้องลดความดันในกะโหลกด้วยยาหรือการเจาะระบายน้ำ
• ถ้าไม่รุนแรง: บางครั้งแค่ลดความเครียด ออกกำลังกาย หรือปรับพฤติกรรมก็ช่วยได้
ข้อแนะนำ
• ถ้าได้ยินเสียงจังหวะในหู โดยเฉพาะถ้ามีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดหัวรุนแรง แขนขาอ่อนแรง หรือมองเห็นภาพซ้อน อย่ารอช้า รีบไปพบหมอเลย
• หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่เงียบเกินไป เพราะอาจทำให้รู้สึกถึงเสียงชัดขึ้น
• ถ้าสงสัยอะไรเพิ่ม ถามหมอได้เลย ไม่ต้องกลัว!
Pulsatile Tinnitus ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ ถ้าเจออาการนี้ อย่าคิดว่าแค่ “ได้ยินหัวใจตัวเอง” แล้วปล่อยผ่าน รีบตรวจให้ชัวร์ดีกว่า! 😊
– อจ. สุรัตน์