“อนุทิน” เซ็นตั้ง คกก.สอบ หลังตึกสตง. ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหวเพียงตึกเดียว คาดรู้ผลใน7วัน ยันไล่บี้ ตั้งแต่แบบอาคารและการก่อสร้าง ชี้ ทั้ง บริษัทไทย-จีน ต้องรับผิดชอบเต็มร้อยขณะฑูตจีน พาผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวพบ
วันที่ 30 มี.ค.2568 ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย , และ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้การต้อนรับ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยและ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการภัยอุโมงค์ถล่มและแผ่นดินไหวของกระทรวงการจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินประเทศจีน และผู้เกี่ยวข้องเข้าพบปะหารือที่กระทรวงมหาดไทยกว่า1 ชั่วโมง โดยการเข้าพบครั้งนี้ทางการจีนประสานขอเข้าพบเอง โดยนายหาน กล่าวในฐานะตัวแทนรัฐบาลจีน แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นซึ่งไทยได้รับผลกระทบจากกรณีตึกถล่ม
นายอนุทิน กล่าวขอขอบคุณนายหาน จื้อเฉียง และทางการจีน ที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเมื่อยามประเทศไทยเกิดเหตุสาธารณภัยมาโดยตลอด ซึ่งเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ จุดที่สร้างความเสียหายและสร้างความวิตกที่สุด คือ อาคาร สตง. แห่งใหม่ที่พังถล่ม ในส่วนอาคารอื่น ๆ ทั้งในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดอื่น ๆ โครงสร้างต่าง ๆ ระบบต่าง ๆ ได้รับความเสียหายไม่มากนัก และอยู่ในสถานะที่ควบคุมได้ โดยกรณีนี้ทางการไทยจะเร่งพิสูจน์ให้ได้ว่า เหตุใดจึงถล่ม เพราะอาคารนี้เพิ่งก่อสร้างและได้รับการออกแบบที่ต้องรองรับและทนต่อการเกิดแผ่นดินไหวแล้ว
นายอนุทินให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือว่า เอกอัครราชทูตจีนได้ประสานให้ทางการจีนส่งผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวเข้ามา ซึ่งผู้เชี่ยวชาญรายนี้ได้เข้าไปดูหน้างานแล้ว และบอกว่าสิ่งที่ประเทศไทยทำอยู่ในขณะนี้ในเรื่องของการกู้ภัยได้มาตรฐาน และมีความเชี่ยวชาญ ไม่ต้องให้คำแนะนำอะไรเพิ่มเติม เพราะขณะนี้ 48 ชั่วโมงแล้ว หากจะเปลี่ยนวิธีการไม่น่าจะ มีประโยชน์อะไรแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ในช่วง 72 ชั่วโมงก็จะเร่งหาผู้ที่เสียชีวิตและผู้ที่ติดอยู่ในตึกให้เร็วที่สุด
ส่วนเรื่องของผู้รับเหมา นายอนุทิน กล่าวว่า ไทยชี้แจงว่าไม่สามารถให้เข้าไปในพื้นที่ได้ แต่ได้แจ้งว่าเป็นผู้รับเหมาที่มาจากประเทศจีน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญที่มา คือเข้ามาช่วยประเมินสถานการณ์ ไม่ได้เกี่ยวกับการหาข้อเท็จจริงอะไรอยู่แล้ว ขณะนี้ อยู่ระหว่างการเคลียพื้นที่ให้เร็วที่สุดเพราะยังหวังว่าจะยังมีผู้มีชีวิต และหลังจากนี้ก็จะเร่งเคลียร์ไซด์งานให้เร็วที่สุด
เมื่อถามว่ามีกระแสว่า พบชายชุดดำหอบแฟ้มเอกสารออกจากพื้นที่เกิดเหตุ นั้น นายอนุทิน กล่าวว่าวันนี้ได้มีการตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบในเรื่องของการก่อสร้างอาคาร สตง.ที่ถล่ม โดยมีวิศวกรใหญ่ จากกรมโยธาธิการและผู้เชี่ยวชาญ ที่เชื่อถือได้ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ7 วัน เพื่อทำให้ข้อเท็จจริงปรากฏ ไม่ว่าจะหอบแฟ้มอะไรไปก็แล้วแต่ แต่แบบก่อสร้างเอกสารและสัญญาก็ยังคงมีอยู่ที่ สตง.ไม่สามารถเอาหลักฐานอะไรออกไปได้
เมื่อถามว่า กทม. อนุมัติไปได้อย่างไร นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า กทม. เป็นผู้อนุมัติ แต่อาคารที่เป็นของราชการ แค่แจ้งกทม. ให้รับทราบ หน่วยงานเจ้าของโครงการก็ไปจัดการประมูลและผู้ออกแบบก็ต้องเซ็นรับรองอยู่แล้ว
“การสอบขณะนี้ จึงเน้นไปที่ผู้ออกแบบและผู้คุมงานและผู้ก่อสร้าง ซึ่งผู้ก่อสร้างจะเป็นบริษัท ต้องไปดูว่าสัดส่วนเท่าไหร่ เพราะในสัญญาระบุว่าเป็นบริษัทร่วมค้า ระหว่างไทยกับจีน จึงต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน และยืนยันว่า ต้องไปไล่บี้ให้ได้ไม่ว่าใครจะเป็นผู้กระทำผิดก็ต้องรับผิดชอบทั้งคู่”นายอนุทิน กล่าว
“ผมอยากตั้งคำถามว่าทำไมตึกนี้ถึงถล่ม เพราะ เป็นตึกที่สร้างใหม่ จึงต้องมีการก่อสร้างที่รองรับแผ่นดินไหวอยู่แล้ว ตามกฎหมายควบคุมการออกแบบอาคารให้ต้านทานแผ่นดินไหวตั้งแต่ปี 2540 จะมาบอกว่า โครงสร้างยังไม่เสร็จไม่น่าจะใช่ ดังนั้นจึงต้องมุ่งไปที่แบบของอาคารก่อนอันดับแรก ซึ่งถ้าหากแบบถูกต้อง ก็ต้องมาตรวจสอบในขั้นตอนการก่อสร้าง พร้อมยืนยันว่า ทั้งบริษัทไทยและบริษัทจีนที่เป็นคู่สัญญาจะต้องรับผิดชอบเต็ม 100 ทั้งหมด”รมว.มหาดไทย กล่าว
นายอนุทิน ระบุว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้แรงสั่นสะเทือนถึง 7.8 ริกเตอร์ แต่พบว่า มีอาคารมากกว่า 95% ยังคงยืนอยู่ได้ แต่ส่วนที่มีความเสียหายถึงขั้นถล่มก็มีเพียงอาคาร สตง. ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถหาข้อบกพร่องได้อย่างแน่นอน
นายอนุทินยังกล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบอาคารพื้นที่ต่างจังหวัด ว่า ในแต่ละจังหวัดมีโยธาธิการจังหวัดอยู่แล้ว ซึ่งจะเข้าไปตรวจอาคารสาธารณะต่างๆโรงเรียน โรงพยาบาลและอาคารที่ทำการที่ให้ให้บริการพี่น้องประชาชนเรื่องการตรวจสอบอาคารอย่างเช่นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โรงแรมต่างๆก็จะมีรอบการตรวจทุกปีอยู่แล้ว โดยเจ้าของอาคาร ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยก็จะมีการความร่วมมือให้มีการตรวจประจำปีทันที โดยไม่ต้องรอให้ถึงรอบ และเชื่อว่าเจ้าของอาคาร หรือคอนโดต่างๆ จะให้ความร่วมมือ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้อยู่อาศัย