วันพุธ, เมษายน 2, 2025
spot_img
หน้าแรกHighlightแชร์เคสหญิงวัย41ป่วยมะเร็งปอดระยะ 4 ทั้งที่ไม่ได้สูบบุหรี่แต่สัมพันธ์กับ“PM2.5”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

แชร์เคสหญิงวัย41ป่วยมะเร็งปอดระยะ 4 ทั้งที่ไม่ได้สูบบุหรี่แต่สัมพันธ์กับ“PM2.5”

หมอแชร์เคสหญิงวัย41เป็นมะเร็งปอดระยะที่4 ไม่ได้สูบบุหรี่แต่สัมพันธ์กับPM2.5 ร่างกายแข็งแรงไม่เหนื่อย น้ำหนักไม่ลด ไอแห้งๆ จาม คันยุบยิบตามหน้า คันคอ ตาแห้ง

เมื่อวันที่ 1 เม.ย.68 ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยเป็นเลิศด้านการแพทย์แม่นยำ ศูนย์จีโนมิกส์ศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล แชร์โพสต์ของหญิงรายหนึ่งที่เล่าเรื่องการเป็นมะเร็งปอดระยะที่ 4

โดย หมอมานพ เขียนข้อความระบุว่า อีกตัวอย่างของคนไข้มะเร็งปอด อายุน้อย ไม่สูบบุหรี่ ซึ่งพบบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ และสัมพันธ์กับ PM2.5

โดยโพสต์ที่แชร์ เป็นโพสต์ของหญิง อายุ 41 ปี ที่เขียนเล่าเรื่องราวการตรวจเจอมะเร็งปอดระยะที่ 4 ใจความสรุปได้ว่า จุดเริ่มต้นเริ่มเกิดขึ้นตอนช่วงประมาณปลายเดือน พ.ย.2567 ตอนนั้นเป็นช่วงฤดูกาลฝุ่น PM 2.5 เริ่มไอแห้งๆ รวมถึงมีอาการเหมือนแพ้อากาศทั่วๆ ไป คือจาม คันยุบยิบตามหน้า ตาแห้ง อะไรแบบนี้ เป็นๆ หายๆ ตามระดับฝุ่นแล้วแต่วันเลย

แต่อยู่ๆ ก็มีอาการเจ็บคอแบบเจ็บคอมาก เวลากลืนน้ำลายเหมือนมีดบาด เจ็บแบบตอนที่เป็น covid แต่ตรวจ ATK ก็ไม่ขึ้น ส่วนอาการไอแห้งๆ ยังคงมีเรื่อยๆ และไอไม่ได้รุนแรงอะไร แค่รำคาญเฉยๆ แล้วอาการเจ็บคอมากๆ มีไข้เล็กน้อยก็หายไป เลยไม่ได้คิดว่าจะเป็นอะไรเยอะ

ช่วงนั้นอากาศคงไม่ดีจริงๆ ร่างกายเลยอ่อนแอ แล้วด้วยความที่ปกติเป็นคนดูแลสุขภาพระดับนึง ออกกำลังกายเป็นประจำ balance diet อยู่ตลอด ใช้ชีวิตปกติรักษาสุขภาพและดูแลอาหารการกินอยู่เสมอ เลยคิดเอาเองว่าฉันมันคนถึกและแข็งแรงคนหนึ่งจะไปป่วยอะไร

กระทั่งเช้าวันหนึ่งคลำตรงเหนือไหปลาร้าด้านซ้าย รู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือนกับอีกข้าง จับไปแแล้วปูดๆแข็งๆขึ้นมา แต่ไม่ได้รู้สึกว่าเจ็บตรงก้อน แล้วช่วงนั้นยังไออยู่เหมือนเดิม และยังไม่ได้ไปหาหมอ เพราะว่าฉันมันคนถึก เลยไปซื้อยาแก้ไอมากินเอง 2สัปดาห์ จนใกล้จะหายไอ

แต่ PM 2.5 กลับมารุนแรงอีก กลับมาไอต่อ ตอนนั้นยังคงออกกำลังได้ตามปกติ ยกเวท เล่น HIIT ได้หมด แต่มาวันนึงมีอาการเจ็บกล้ามเนื้อตรงแถวๆ ฝั่งคอซ้าย ลามลงมาแถวๆ สะบักซ้าย หันคอลำบากเลยต้องกินยาคลายกล้ามเนื้อกับยาแก้กล้ามเนื้ออักเสบ อยู่ 1 สัปดาห์จนรู้สึกเริ่มดีขึ้นเลยเริ่มกลับมาออกกำลัง

ปรากฏตึงจุดเดิมต่อ ยังไม่หายดี เลยต้องกลับมากินยาต่อ รวมถึงยาแก้ไอยังคงกินอยู่ด้วย นอกจาก 2 อาการนี้ก็ยังคงไม่ได้เอะใจอะไรกับก้อนที่คลำเจอ คิดว่าเดี๋ยวหายไอคงค่อยๆ ยุบไปเอง ช่วงนี้ร่างกายคงยมๆ ไม่ได้เป็นอะไรหรอก

แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น เพราะตั้งแต่ไอ แล้วเจอก้อนประทับลงเหนือไหปลาร้าข้างซ้าย ชีวิตก็เปลี่ยนไป ต่อมาเริ่มหาข้อมูล หมอ google หมอ ตต. ขึ้นมาเต็ม feed เลย วัณโรคปอดบ้าง มะเร็งปอดบ้าง เริ่มกังวล ว่าเอ๊ะ ต้องไปหาหมอยังนะ

ต่อมาเมื่อไปพบหมอ เริ่มสังเกตอาการตัวเองว่าเวลาหายใจละมีอาการแน่นๆ จุกๆ ตรงข้างซ้าย ตำแหน่งเดียวกับตรงที่มีก้อนที่ปอด แต่มันก็ดันตำแหน่งไปตรงกับสะบักซ้ายที่ชอบปวดพอดีเลยไม่รู้ว่าปวดจากอะไรกันแน่ แล้วเวลาหายใจลึกๆ หลังจากไอเยอะๆ บางทีมีเสียงฟี่ๆ ออกมาจากคอด้วย ซึ่งหมอจ่ายยาพ่นขยายหลอดลมมาให้ใช้ตอนมีอาการ

ต่อมานัด CT Scan ปอด +ฟังผล CT วันนี้หนักหน่วงมาก หมอแจ้งว่าเจอก้อนที่ปอด ลักษณะคล้ายก้อนมะเร็งมากกว่าจะเป็นวัณโรค เพราะร่องรอยไม่เหมือนกัน และมันกระจายเป็นจุดๆ ไปปอดข้างขวาด้วย

ทีนี้เรายังเหลือนัดหมอหูคอจมูกอีกนัด ซึ่งอาจได้เจาะก้อนตรงเหนือไหปลาร้าซ้ายไปตรวจ และคุณหมอจะทำนัดกับคุณหมอปอดเพื่อเจาะชิ้นเนื้อที่ปอดไปตรวจด้วย

วันนี้สามีมาด้วย มาลุ้นผลด้วยกัน ตอนอยู่ในห้องตรวจเราถามหมอว่าเรามีโอกาสเป็นอย่างอื่นมั้ยที่ไม่ใช่มะเร็ง คุณหมอบอกว่า หมอก็อยากให้ความหวังนะ แต่มันดูไปทางมะเร็ง ยังไงรอตรวจชิ้นเนื้อก่อนดีกว่า ขากลับบ้านเริ่มน้ำตาแตก จริงๆ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเราหาข้อมูลเยอะมาก แล้วเราทำใจมาแล้วส่วนนึงแหละ แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ มันก็รู้สึกแบบ นี่มันเริ่มแล้วสินะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแล้วสินะ

พอกลับมาถึงบ้าน รีบตั้งสติแล้วตัดสินใจโทรคุยกับเพื่อนหมอใกล้ฉันทันที แล้วรีบส่งผล CT Scan ให้เพื่อนช่วยดูต่อเลย จบวันแบบเหนื่อยมากเลยเพราะตอนออกไปโรงพยาบาลคือค่า AQI รอบๆ บริเวณนั้นคือขึ้นเตือนสีม่วงเลยค่ะ ไอเยอะมาก ไอจนเหนื่อย

จากนั้นเพื่อนหมอโทรมาเล่าผลที่ได้ดู CT Scan เบื้องต้นที่ปรึกษากับหมอปอดให้แล้ว หมอปอดบอกว่ามีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นมะเร็งปอด ซึ่งน่าจะเป็นชนิดที่พบบ่อยในผู้หญิงเอเชีย และไม่จำเป็นต้องสูบบุหรี่ด้วย ตอนนั้นคุยกับเพื่อนหมอใกล้ฉันแล้วตัดสินใจย้ายไปรักษาต่อที่ รพ. ศิริราชทันที ขอบคุณเพื่อนหมอมากก ที่คอยให้คำปรึกษาและแนะนำเราอย่างดี

ต่อมาย้ายมาเริ่มต้นที่ศิริราช วันนี้พบหมอโรคปอดค่ะ หมอเปิด CT Scan ให้ดูพร้อมอธิบายให้เราเข้าใจการเดินทางของก้อนที่มีตอนนี้จากจุดที่เกิดก้อนในปอดข้างซ้าย จนขึ้นมาเห็นจุดที่เป็นก้อนตรงเหนือไหปลาร้าซ้ายถัดขึ้นมาด้วย ซึ่งเห็นชัดเจนเลยว่าลักษณะไม่เหมือนไหปลาร้าขวาที่ยังปกติดี

หมอบอกว่าตรวจชิ้นเนื้อจากจุดที่เหนือไหปลาร้าก็พอ เพราะว่าปลอดภัยกว่าและไม่จำเป็นต้องไปเก็บชื้นเนื้อที่ปอด ไม่งั้นต้องพักฟื้นอีก และจาก CT Scan มันมีความ relate กัน หมอปอดเลยส่งทำนัดกับหมออีกท่านที่จะทำการผ่าตัดชิ้นเนื้อที่จุดเหนือไหปลาร้าซ้ายให้ โดยหมอแจ้งเพิ่มเติมว่าถ้าคุยกับคุณหมอที่จะทำการผ่าตัดให้แล้วเค้าลงความเห็นว่าต้องเก็บชิ้นเนื้อที่ปอด ก็ค่อยใช้การส่องกล้องไปเก็บชิ้นเนื้อที่ปอดแทน

ช่วงนี้เรายังคงสังเกตอาการตัวเอง รู้สึกว่าอาการแน่นๆ อกข้างซ้ายเวลาหายใจลึกๆ มันไม่ได้มาจากปอด แต่มันเกิดจากกล้ามเนื้อแถวสะบักที่ชอบปวดๆ ตึงๆ ต่างหาก เพราะพอหยุดออกกำลังที่มันต้องใช้พวกแขนและสะบักมันก็ดีขึ้นมา โดยรวมตอนนี้มีแค่ไอคันคอ น่ารำคาญเหมือนเดิม ออกกำลังกายยังได้ปกติ ไม่เหนื่อยหอบ แต่ลดการยกเวทหนักเพราะเดี๋ยวกล้ามเนื้อเดี้ยงอีก

ต่อมาคุณหมอนัดผ่าชิ้นเหนือ และบอกว่าเก็บชิ้นเนื้อที่ตรงเหนือไหปลาร้าก็พอ ไม่ต้องเก็บที่ปอด จากนั้นเพื่อนหมอ โทรมาบอกว่าผลตรวจชิ้นเนื้อออกมาแล้วว่าเป็นมะเร็งปอด ชนิดแบบที่บอกว่าเจอในผู้หญิงเยอะ แต่ไม่ต้องกังวล ยาที่มีตอนนี้รักษาให้ผลได้ดีมาก เดี๋ยวมาที่ รพ. ทำแผลเสร็จเดี๋ยวทำนัดคุยการรักษากับหมอมะเร็งปอดให้ต่อเลย”

สภาพจิตใจช่วงนั้น เอาจริงๆ ก็ทำใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นได้ค่อนข้างโอเคละ ไม่จม ไม่ดิ่ง เลิกคิดวน ไม่อยากเสียเวลามานั่งเศร้าอะไรละ ฉันต้องรีบไปต่อ อะไรจะเกิดก็ช่างมัน ลุยโว้ย จนถึงวันนี้ก็ยังรู้สึกแข็งแรงดีเยี่ยงชะนีถึกๆ นางหนึ่ง ยกเว้นแค่อาการไอคันๆ น่ารำคาญ ที่มาพร้อมๆ กับฝุ่น พอฝุ่นเยอะ ก็ไอเยอะ วนไป นอกนั้นร่างกายยังแข็งแรงทุกอย่าง กินอิ่ม นอนหลับ น้ำหนักยังไม่ลด ฉันนี่มันถึกจริงๆ โว้ยย

ต่อมานัดที่ 1 พบหมอที่ผ่าตัดชิ้นเนื้อเพื่อดูแผลที่ผ่าไปคราวก่อน หมอน่ารักเหมือนเดิมเลย ถามว่าไปทำบุญมาหรือยัง เลยบอกว่ากำลังจะไปแต่ไม่ทันซะแล้ว ผลดันมาก่อน หมอบอกว่า ไม่เป็นไร ก็ไปทำได้นะ ให้อะไรๆ มันเบาลง ก่อนจบการรักษาเรื่องผ่าตัดชิ้นเนื้อ หมอจับมือพร้อมบอกเราว่าเป็นกำลังใจให้นะ ฮืออออ ซาบซึ้ง

นัดที่ 2 พบหมอมะเร็งปอดเพื่อไปคุยเรื่องผลชิ้นเนื้อ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับตัวโรคและแนวทางการรักษา เบื้องต้นคุณหมอแจ้งว่าผลชิ้นเนื้อที่ตรวจออกมาเป็นเซลล์มะเร็งปอดชนิต Adenocarcinoma ซึ่งมะเร็งชนิดนี้เป็นโรคมะเร็งปอดชนิดที่ไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็กที่ตรวจพบบ่อยที่สุดในผู้ที่ไม่สูบบุหรี่

โดยส่วนใหญ่ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งปอดชนิดที่ไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็กชนิด Adenocarcinoma จะมีอายุน้อย คุณหมอบอกว่าลักษณะการลุกลามของโรคเราตอนนี้ก็คือเป็นมะเร็งปอดระยะที่ 4 เพราะว่าตอนนี้มะเร็งได้กระจายออกมานอกปอดแล้ว

คือมาที่ต่อมน้ำเหลืองรวมถึงเริ่มกระจายเป็นจุดๆ ไปที่ปอดข้างขวาด้วย และคุณหมอจะส่งทำ MRI สมองเพิ่มด้วย เพราะต้องดูว่ามะเร็งลุกลามไปที่สมองด้วยมั้ย เนื่องจากว่าโรคมะเร็งปอดชนิดที่ไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็ก จุดที่แพร่กระจายไปบ่อยที่สุดคือ สมอง ตับ กระดูก ต่อมน้ำเหลือง

และในระหว่างนี้ต้องส่งตรวจชิ้นเนื้อเพิ่มเติมก่อน เพื่อดูว่าเซลล์มะเร็งที่เราเป็นจะตอบสนองกับยาตัวไหน ซึ่งถ้าผลชิ้นเนื้อออกมาตรงกับกลุ่มยามุ่งเป้าที่รองรับอยู่ ก็สามารถใช้ยามุ่งเป้าแบบกินได้ แต่ถ้าใช้กลุ่มยามุ่งเป้าไม่ได้ก็ต้องเคมีบำบัดร่วมกับภูมิคุ้มกันบำบัด

คุณหมอถามถึงอาการตอนนี้ว่าเรามีอาการเป็นยังไงบ้าง ซึ่งเราก็ยังรู้สึกว่าเรายังแข็งแรงปกติเลย ไม่เหนื่อยหอบ ไม่มีไข้ น้ำหนักไม่ลด มีแค่อาการไอคันคอน่ารำคาญอยู่เหมือนเดิม ซึ่งอาการไอพวกนี้จะหายไป หลังจากที่ได้รับยาที่ถูกกับตัวโรคแล้ว ระหว่างนี้คุณหมอให้กินยาแก้ไอไปตามอาการได้ และให้เน้นอาหารสะอาด มีประโยชน์ ปรุงสุก เลี่ยงอาหารแปรรูป ออกกำลังกายได้ตามปกติเท่าที่ไหว

วันนี้เรากับสามีถามคุณหมอว่า เราเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ คุณหมอตอบเรียบง่ายแต่ช่วยดึงสติได้ดีมากว่า… “ทุกคนต้องตายครับ อาจจะด้วยการเจ็บป่วย หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่จากสภาพร่างกายของคุณคือยังแข็งแรงมาก เรายังมีหนทางรักษาได้ครับ”

ตอนอยู่ที่ห้องตรวจคุยกับคุณหมอก็ยังรู้สึกโอเคดีนะ ตั้งสติ เก็บข้อมูลมาก่อนแต่ระหว่างทางกลับบ้านนี่สิ มันมาแล้ว Aftershock ตามมาหลอน ความรู้สึกมืดๆ หนักๆ ถาโถมเข้ามาอีกละ บอกไม่ถูกเลยว่าต้องรู้สึกยังไงมั่งดี และระหว่างทางกลับบ้านนั่งน้ำตาไหลตลอดทาง สามีต้องคอยจับมือเอาไว้ หลายความรู้สึกผุดขึ้นมารัวๆ

ความกลัวการจากลา กลัวทรมาน ความกังวล ความเศร้า ความเหนื่อยล้าต่างๆ และกลัวไม่สวย ปะดังปะเดไปหมด แต่สิ่งหนึ่งที่เราคิดว่า เรายังคงตั้งใจทำมันได้ดีอยู่ตลอดคือพอคิดจบแล้ว เราก็จะหยุดแล้วกลับมาที่ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นและพร้อมจะสู้ต่อไปไม่ว่าจะเจอกับอะไรอีกก็ตาม

ช่วงแรกๆ เคยคิดโทษดวงชะตานั่นนี่เหมือนกันนะ แบบทำไมต้องเกิดกับเราวะ แต่ตอนนี้เลิกคิดละ ก็มันเกิดขึ้นแล้ว ฉันต้องไปต่อ มะเร็งมาสู้กันหน่อยโว้ย แกทำอะไรฉันไม่ได้หรอก พอได้นอนข้ามผ่านวันหนักๆ นั้นไป พอตื่นเช้าขึ้นมา มันก็รู้สึกว่าเห้ย นี่เรายังไม่ตายว่ะ ยังหายใจได้อยู่ว่ะ มันก็แค่นี้เอง ละหลังจากนั้นมันก็ค่อยๆ รู้สึกเบาลงเอง

หลังจากผ่านเรื่องราวต่างๆ จนมาถึงตรงนี้ รู้สึกว่ายังต้องขึ้นชกอีกหลายยกเลย แต่ก็เอาวะ ต้องสู้กันสักตั้ง พร้อมลุย แล้วเรามั่นใจด้วยว่า เราจะต้องผ่านมันไปได้อย่างดีแน่นอน

ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ เริ่มเล่าก็ยาวเลยในโพสต์ถัดๆ ไป เราจะมาเล่าต่อถึงขั้นตอนการรักษาหลังจากนี้ว่าจะต้องไปบุกป่าฝ่าดงอะไรอีกบ้าง ส่วนวันนี้ขอตัวไปฉลองวันเกิดก่อนค่า

วันเกิดปีนี้ขออวยพรกลับไปยังทุกคน ขอให้ทุกคนมีสุขภาพที่แข็งแรง และขอร่วมเป็นอีกหนึ่งพลังงานดีๆ ส่งกำลังใจให้กับเพื่อนร่วมโรคทุกคนที่กำลังรู้สึกเหนื่อยและท้อแท้อยู่ รวมถึงคนที่รู้สึกว่าชีวิตกำลังเจอแต่เรื่องแย่ๆ จงรวบรวมสติกลับมาให้ได้นะ พลังที่ดีที่สุดคือพลังจากตัวเราเองค่ะ ไปโว้ย

- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img