“ชัชชาติ” รับ กันเจ้าหน้าที่ออกนอกพื้นที่เขต สตง. ถล่ม แค่ช่วงแรก เหตุอยู่ระหว่างค้นหาผู้รอดชีวิต-ต้องทำงานแข่งกับเวลา ยืนยัน กทม.ให้ความร่วมมือตลอด แนะ หากต้องการหลักฐานให้อยู่หน้างานคอยมอนิเตอร์ภาพจากโดรน ชี้ แจ้งรายชื่อ กรมโยธาฯที่เกี่ยวข้องมาได้ ป้องกันเข้าไซต์งาน
เมื่อวันที่ 18 เม.ย.68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เดินทางมาพบ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายหลังจากที่มีกระแสข่าวว่า กรุงเทพมหานครไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเข้าพื้นที่บริเวณตึกสตง.ถล่ม เพื่อเก็บหลักฐาน
จากนั้น เวลา 12.15 น. นายชัชชาติ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่า นายกรัฐมนตรีได้เรียกมาสอบถามว่าขาดเหลือและต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมอะไรหรือไม่บริเวณพื้นที่ตึกสตง.ถล่ม ตนจึงได้ตอบกลับไปว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี หน่วยงานราชการทุกหน่วยงาน รวมถึงภาคเอกชน และทหารก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จึงไม่ได้มีข้อติดขัดอะไร ขณะเดียวกัน กรุงเทพมหานครก็พร้อมให้ความร่วมมือเกี่ยวกับการเก็บหลักฐานต่างๆ วันนี้จึงมารายงานความคืบหน้าให้นายกรัฐมนตรีทราบ เพราะท่านเป็นห่วงและคอยติดตามอยู่ตลอด
ส่วนกระแสข่าวที่บอกว่าในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้รับความร่วมมือจาก กทม. ในการเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ นายชัชชาติ ยืนยันว่าไม่มีอะไร กทม. ให้ความร่วมมืออยู่ตลอด แต่อาจจะมีเพียงอาทิตย์แรกที่ต้องแข่งกับเวลา เพราะคิดว่ายังมีคนที่มีชีวิตรอดอยู่ด้านใน จึงอาจจะติดขัดเรื่องการสื่อสารไปบ้างช่วงต้น แต่ตอนนี้เรียบร้อยหมดแล้ว โดยมีหน่วยงานหลักคือ สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน กรมโยธาธิการและผังเมือง ที่นายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งให้ดำเนินการสอบสวน รวมถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ซึ่งก็มีการประสานงานที่ดี และมีเจ้าหน้าที่คอยประจำอยู่ ถ้าต้องการหลักฐานอะไร เราก็พร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่าง
ส่วนจะใช้เวลานานในการขอหลักฐานหรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า ไม่นาน เพราะมีเจ้าหน้าที่และผู้อำนวยการอยู่หน้างานตลอด และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ แต่หากไปดูหน้างานสภาพตอนนี้ก็ไม่ทราบว่าชิ้นไหนเป็นชิ้นไหน ฉะนั้นหากต้องการหลักฐานแนะนำให้ไปนั่งดูอยู่ที่ไซต์งานเลน โดยอาจจะดูภาพจากโดรนและดูว่าชิ้นไหนต้องการ ก็ให้แจ้งทันที ซึ่งจะดีกว่า เพราะกระบวนการในการรื้อซากหาผู้ติดค้างอยู่เป็นกระบวนการต่อเนื่อง บางทีอาจจะมีชิ้นส่วนที่ต้องการโผล่ขึ้นมา เจ้าหน้าที่จะได้หยิบและแยกออกมาให้

สำหรับจุดที่หลายคนให้ความสนใจ โดยเฉพาะพนังปล่องลิฟต์ขณะนี้พบแล้วหรือไม่นั้น นายชัชชาติ ระบุว่า เมื่อคืนนี้เจอแล้ว ซึ่งเป็นจุดที่เราหามานาน คือ ST1-ST2 จุดที่เป็นปล่องซ้ายกับปล่องขวา ที่เรามั่นใจ เพราะมีป้ายบอกชั้น 18 อยู่ เมื่อคืนจึงพบผู่เสียชีวิตหลายร่าง ฝั่งซ้ายน่าจะ 3 ร่าง ส่วนฝั่งขวาประมาณ 4-5 ร่าง ฉะนั้นขอให้รอยืนยันจากฝ่ายพิสูจน์หลักฐานอีกทีหนึ่ง เพราะจะเห็นว่ากลุ่มใหญ่อยู่ที่จุดนี้ ซึ่งเข้าใจว่าเป็นจุดที่เป็นทางใช้หนี้ลงจึงต้องโฟกัสในตรงนี้ให้มากขึ้น อย่างไรก็ตามตัวสภาพปล่องลิฟต์ที่เจอไม่คงสภาพและเป็นคอนกรีตที่พังหมดแล้ว แต่ที่ทราบเพราะเห็นราวจับบันไดกับขั้นบันได รวมถึงตำแหน่งที่ตั้ง
ส่วนทางดีเอสไอได้ประสานเก็บข้อมูลเพิ่มเติมมาแล้วหรือยัง นายชัชชาติ กล่าวว่า ดีเอสไอไม่ได้ดูเรื่องนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของสัญญา ซึ่งตัวหลักฐานจะเป็นเรื่องของกรมโยธาธิการและผังเมือง ที่เข้ามาดูอย่างต่อเนื่อง
เมื่อถามว่า ในฐานะที่มีความรู้ด้านวิศวกรมองว่าวัสดุต่างๆ อาทิ เหล็ก ปูน เสื่อมสภาพและได้มาตรฐานตาม มอก. หรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่าเป็นเรื่องที่ดูยาก เพราะโครงสร้างพังหมดแล้ว จึงไม่ทราบว่าชิ้นส่วนมาจากตรงไหน แต่อยากให้เก็บข้อมูลไว้ก่อนเผื่อใช้ในอนาคต
ขณะเดียวกัน ยังกล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีบอกให้กันกรมโยธาธิการและผังเมืองที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เข้าในพื้นที่อาคารสตง.ถล่ม ว่า ต้องแล้วแต่รายชื่อ เพราะทุกคนที่เข้าไปในไซต์ไม่สามารถเข้าไปได้อย่างอิสระอยู่แล้ว แต่หากจะไม่ให้ใครเข้า สามารถแจ้งมาได้ ไม่มีปัญหา พร้อมย้ำว่า คนที่เข้ามาในพื้นที่ก็เป็นคนที่เกี่ยวข้องทั้งนั้น กรมโยธาธิการและผังเมืองจะเข้ามาเฉพาะในส่วนที่เป็นคณะกรรมการสอบสวน เพราะหน่วนงานไม่ได้มีส่วนในการรื้อถอน
นอกจากนี้ ผู้ว่าฯกทม. ยังกล่าวทิ้งท้าย โดยแสดงความมั่นใจว่าสิ้นเดือนนี้จะก้าวหน้าไปได้ด้วยดี เพราะทุกคนก็พยายามท้าทายตัวเองตลอดว่าจะทำให้ทุกคนกลับบ้านให้เร็วที่สุด แต่มีหลายมิติที่เกี่ยวข้อง ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเช้าที่เจอร่างผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ก็ต้องหยุดการทำงานจากหนักไปประมาณ 5 ชั่วโมง จึงเชื่อว่าปลายเดือนน่าจะก้าวหน้าไปอย่างมาก