“หมอธีระ” ชำแหละ 6 ปัจจัยหลักที่โควิดระบาดในไทยหนัก จนคุมไม่ได้ และทวีความรุนแรงต่อเนื่อง แนะ “ศบค.” ต้องพิจารณาทบทวน หาทางปรับเปลี่ยนแก้ไข ทั้งนโยบาย การขับเคลื่อน การจัดหา การจัดสรรทรัพยากรที่จำเป็น เชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
เมื่อวันที่ 6 ก.ค.64 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กว่า…สถานการณ์ทั่วโลก 6 กรกฎาคม 2564…ยอดเสียชีวิตรวมทะลุ 4 ล้านคนไปเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่อินโดนีเซียกำลังเผชิญกับจำนวนการติดเชื้อที่สูงมากกว่าที่เคยเป็นมากว่าสองเท่า ล่าสุดติดเพิ่มถึง 29,745 คน และเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ด้วยจำนวนประชากรกว่า 276 ล้านคนซึ่งมากเป็นอันดับ 4 ของโลก จึงมีโอกาสระบาดหนักมากขึ้น ส่วนเวียดนามติดเพิ่มหลักพันคนแล้ว เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 334,262 คน รวมแล้วตอนนี้ 184,910,663 คน ตายเพิ่มอีก 6,012 คน ยอดตายรวม 4,000,281 คน 5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุด คือ อินเดีย อินโดนีเซีย สหราชอาณาจักร โคลอมเบีย และรัสเซีย, อเมริกา เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 4,399 คน รวม 34,598,355 คน ตายเพิ่ม 23 คน ยอดเสียชีวิตรวม 621,335 คน อัตราตาย 1.8% แต่ละวันจำนวนติดเพิ่มและจำนวนผู้เสียชีวิตน้อยกว่าประเทศไทย, อินเดีย ติดเพิ่ม 34,067 คน รวม 30,618,939 คน ตายเพิ่ม 552 คน ยอดเสียชีวิตรวม 403,310 คน อัตราตาย 1.3%, บราซิล ติดเพิ่ม 22,703 คน รวม 18,792,511 คน ตายเพิ่มถึง 754 คน ยอดเสียชีวิตรวม 525,229 คน อัตราตาย 2.8%, ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 796 คน ยอดรวม 5,786,999 คน ตายเพิ่ม 36 คน ยอดเสียชีวิตรวม 111,197 คน อัตราตาย 1.9%, รัสเซีย ติดเพิ่ม 24,353 คน รวม 5,635,294 คน ตายเพิ่ม 654 คน ยอดเสียชีวิตรวม 138,579 คน อัตราตาย 2.5%
อันดับ 6-10 เป็น ตุรกี สหราชอาณาจักร อาร์เจนติน่า โคลอมเบีย และอิตาลี ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่น, แถบอเมริกาใต้ แอฟริกา เอเชีย อย่างชิลี แซมเบีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ศรีลังกา บังคลาเทศ เนปาล ญี่ปุ่น เมียนมาร์ เวียดนาม และมาเลเซีย ติดกันเพิ่มหลักพัน, เมียนมาร์หนักขึ้นมาก ล่าสุดติดเพิ่มเกือบสามพันคน ตายกว่าสี่สิบคน ไทยอาจต้องระวังเรื่องการลักลอบข้ามแดนที่จะมีมากขึ้นได้, แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่ม ส่วนใหญ่อยู่หลักร้อย ยกเว้นคาซักสถาน คีร์กีซสถาน และมองโกเลียที่ติดเพิ่มหลักพัน, คาซักสถานเข้าสู่ระลอกสี่แล้ว ล่าสุดติดเพิ่มกว่าสามพันคน, แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักร้อยถึงหลักพัน คิวบากำลังเจอการระบาดหนักขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่อิหร่านติดเพิ่มกว่า 16,000 คน หากเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องอีก 5-7 วันน่าจะถือว่าเข้าสู่ระลอกสี่เต็มตัว, เกาหลีใต้ และกัมพูชา ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน ไต้หวัน ลาว สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกง และนิวซีแลนด์ ติดเพื่มต่ำกว่าสิบ
…หากเราติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด คงพอวิเคราะห์ได้ว่า การระบาดของไทยที่หนักหนาสาหัส คุมไม่ได้ และทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่องนั้น อาจมาจากปัจจัยหลัก ดังนี้
หนึ่ง ยุทธศาสตร์ นโยบาย และมาตรการด้านการควบคุมป้องกันโรคที่ดำเนินมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนถึงปัจจุบันนั้น ไม่เพียงพอในการจัดการการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สอง การวางแผนนโยบายวัคซีนและการดำเนินงานแต่ละขั้นตอนมีปัญหา ตั้งแต่การประเมินสถานการณ์ระบาด การเลือกวัคซีน การจัดซื้อจัดหา และการกระจายวัคซีนนั้น ไม่สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์การระบาดจริงได้ทัน ทั้งระลอกสองและสามที่รุนแรงและการกลายพันธุ์ของวัคซีน ทำให้เกิดปัญหาทั้งเชิงปริมาณวัคซีน และประสิทธิภาพของวัคซีน
สาม ระบบการตรวจคัดกรองโรคไม่เพียงพอ ไม่ครอบคลุม และยากต่อการเข้าถึงบริการ ทำให้ไม่สามารถรองรับความต้องการในยามระบาดหนักได้ สะท้อนถึงปัญหาในการวางแผนนโยบายจัดการโรคระบาดเช่นกัน
สี่ ทรัพยากรในระบบสาธารณสุขที่ใช้ในการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อนั้นไม่เพียงพอ ทำให้ไม่สามารถรองรับปริมาณผู้ติดเชื้อยามระบาดหนักได้ เกิดภาวะเตียงล้นในพื้นที่ระบาดหนัก คนรอเตียงจนเสียชีวิตที่บ้าน จนเป็นเหตุให้นำไปสู่การไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้ทำ home isolation
ห้า ปัญหาเกี่ยวกับการทำงานด้านวิชาการในคณะกรรมการ อนุกรรมการ หรือคณะทำงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชงนโยบายและมาตรการด้านการป้องกันควบคุมโรค ดังที่เห็นจากข่าวล่าสุดเกี่ยวกับการประชุมของคณะทำงานในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับวัคซีน mRNA ในช่วงวันสองวันที่ผ่านมา ส่งผลต่อความเชื่อมั่นศรัทธา และก่อให้เกิดความเคลือบแคลงกระบวนการทำงานทั้งหมดที่ผ่านมาว่าจะเกี่ยวข้องกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องของการระบาด รวมถึงวัคซีนต่างๆ หรือไม่
และ สุดท้าย คือ นโยบายอื่นที่ส่งผลต่อความเสี่ยงในการระบาดมากขึ้น เช่น นโยบายเปิดประเทศ และการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดในประเทศที่ยังรุนแรงและคุมไม่ได้
เหล่านี้คือ ปัจจัยหลักที่ทางศบค.ควรนำมาพิจารณาทบทวน และหาทางปรับเปลี่ยน ทั้งเรื่องกลไกสร้างนโยบาย กลไกการขับเคลื่อน และการจัดหาและจัดสรรทรัพยากรที่จำเป็นในระบบ
เชื่อว่าหากเรามองภาพจริง และช่วยกันปรับเปลี่ยนแก้ไข ใช้ความรู้ที่ถูกต้อง สถานการณ์การระบาดของเราจะดีขึ้นได้ เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ ทำในสิ่งที่ควรทำ สำหรับประชาชนอย่างพวกเราทุกคน ขอให้ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด ใส่หน้ากากนะครับ สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า เราต้องอยู่รอดปลอดภัยไปด้วยกัน ด้วยรักและห่วงใย