“หมอธีระ” เตือนถ้ายังปล่อยให้ตรวจคัดกรองแบบจำกัดจำเขี่ยแบบนี้ จะเกิดวิกฤติใหญ่ในไม่ช้า แนะให้ “เลิกนโยบายที่ผิดทิศผิดทางเถิด ก่อนจะหายนะ” ย้ำต้นตอของสาเหตุยังไม่ได้แก้ไข ก็ยากจะพ้นวิกฤติ จี้ให้เปลี่ยนมาใช้วัคซีน mRNA และวัคซีนอื่นที่มีประสิทธิภาพสูงที่ตอบสนองไวรัสกลายพันธุ์ได้ดี
เมื่อวันที่ 6 ก.ค.64 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กว่า “ถ้ายังปล่อยให้ตรวจคัดกรองกันแบบจำกัดจำเขี่ยแบบนี้ วิกฤติใหญ่จะตามมาในไม่ช้า เตือนด้วยความห่วงใย เลิกนโยบายที่ผิดทิศผิดทางเถิดครับ ก่อนจะหายนะ”
รศ.นพ.ธีระ ยังโพสต์อีกข้อความว่า…1. ดูกราฟการระบาด จะเข้าใจได้ชัดเจนว่า “ระลอกสาม” เริ่มตั้งแต่ต้นเมษายนจนถึงปัจจุบัน ยังคุมไม่ได้ มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่สี่
2.หลายคนคงงุนงง เพราะเราได้ยินที่ผ่านมาว่ามีหนึ่ง…ตามด้วยใหม่…ตามด้วยซ้ำรอบใหม่…แล้วจู่ๆ มาสี่เลยวุ้ย อีกหน่อยคงเปลี่ยนการสอนนับจำนวน จาก “หนึ่ง สอง สาม สี่” เป็น “หนึ่ง ใหม่ ซ้ำ สี่”
3.วิกฤติที่เกิดจากการวางแผนนโยบายและการดำเนินมาตรการที่ไม่เพียงพอที่จะจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น หากทำบุญก็น่าจะช่วยเสริมกำลังใจได้ แต่หากต้นตอสาเหตุยังไม่ได้รับการแก้ไข ก็ยากที่จะพ้นวิกฤติได้ เพราะเราทราบกันดีว่า ปัญหาควรได้รับการแก้ไขที่สาเหตุ เราจึงสอนกันเรื่อง “Root cause analysis” มิใช่หรือ?
4.วัคซีนเป็นอาวุธหลักในการต่อสู้โรคระบาด วัคซีนหลักของประเทศควรเปลี่ยนไปใช้ mRNA vaccines และวัคซีนอื่นที่มีประสิทธิภาพสูงและตอบสนองไวรัสกลายพันธุ์ได้ดี
การใส่หน้ากากนั้นสำคัญมาก สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า
คติในการดำเนินชีวิต : “ลายเส้นที่ตรงและลายเส้นที่คดโค้ง หากมองด้วยสายตาที่แจ่มชัด ย่อมแยกออกจากกันได้โดยง่าย” ด้วยรักและห่วงใย